‘เศรษฐา’ ให้สัมภาษณ์สื่อหลังลงพื้นที่ดู ‘แลนด์บริดจ์’ ชี้เป็นโอกาสของประเทศ ยก ‘สุวรรณภูมิ’ พลิกโฉมประเทศแถมได้ใช้ประเทศเต็มที่ ไม่ทิ้งมิติด้านสิ่งแวดล้อม
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 22 มกราคม 2567 ที่ท่าเรือระนอง - เกาะสอง ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ติดตามประเด็นการค้าผ่านแดน แรงงานข้ามชาติ พิธีการศุลกากร และประมง และพบปะผู้แทนชาวประมงในการแก้ไขปัญหา IUU โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายเศรษฐา กล่าวกับประชาชนว่า ดีใจวันนี้ได้มาระนองครั้งแรก นั่งมาในรถ นับประมาณ 40 ปี แล้ว และวันนี้มาทั้งคณะรัฐมนตรีซาบซึ้งถึงการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากพี่น้องชาวระนอง ซาบซึ้งถึงความจริงใจที่ชาวใต้มีให้กับพวกเรา แม้เป็นจังหวัดเล็กแต่รัฐบาลให้ความสำคัญ มีความจริงใจ ความอบอุ่นที่เราได้รับวันนี้จะประทับใจโดยไม่รู้ลืม จริงๆแล้วคณะรัฐมนตรีกับทางระนองก็เป็นเครือญาติกัน เพราะรองนายกรัฐมนตรีก็เป็นเขยที่นี่ จังหวะนี้ทำให้นายอนุชิน ได้ยกมือไหว้ พี่น้องชาวระนอง
ฟังการบรรยายมีหลายมิติ รัฐบาลสนับสนุนท่าเรือตรงนี้ให้มีการยกระดับมาตรฐานให้สูงขึ้น เพราะเราคำนึงถึงการค้าชายแดน การเดินทางระหว่างนักท่องเที่ยวที่มาจากเมียนมา และการทำงานตรงนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ แต่อย่างไรก็ตามขอเรียนว่าการที่เราจะปรับปรุงแต่ท่าเรืออย่างเดียวไม่ได้ตอบโจทย์ทั้งหมด การที่เรามีการขนส่งสินค้าทั้งขาเข้าและขาออกเรื่องสำคัญคือผู้ประกอบการต้องการความสะดวกสบายวันสต๊อปเซอร์วิส เวลามาไม่ต้องเสียเวลาในการคอยหรือผ่านแต่ละโต๊ะ ตรงนี้เป็นนโยบายของรัฐบาลนี้ที่จะทำให้ท่าเรือระนองแห่งนี้มีความทันสมัยและมีความสะดวกสบายในการใช้ ขอยืนยันว่าจะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไม่ใช่แค่การทำให้ท่าเรือนี้ดีขึ้นเท่านั้น แต่เรื่องของการประมงก็เป็นเรื่องสำคัญ การที่เราแก้ไขปัญหาไอยูยูมาก็สำเร็จไปได้เปราะหนึ่งแล้ว ซึ่งเข้าใจว่าทำให้ปลดล็อคเรือประมงไทยให้ออกไปค้าขายได้ดีขึ้น ต้องขอบคุณที่ให้การต้อนรับ
“ดีใจที่พี่น้องชาวระนองมารอต้อนรับ และดีใจเป็น 2 เท่าที่พี่น้องเข้าใจสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำ หลายคนบอกผมว่าพื้นที่ต้องการโครงการแลนด์บริดจ์และขอให้รัฐบาลเดินหน้าเต็มที่เพื่อพัฒนาระนอง ผมบอกเลยว่านั่นเป็นสิ่งที่เราตั้งใจทำเพื่อพี่น้องชาว จ.ระนอง” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ต่อมาเวลา 13.40 น. ที่อุทยานแห่งชาติแหลมสน ต.ม่วงกลวง อ.กะเปอร์ จ.ระนอง นายเศรษฐา พร้อมด้วยนายอนุทิน, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และ นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เดินทางลงพื้นที่โครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งทะเล อ่าวไทย-อันดามัน (แลนด์บริดจ์) ซึ่งเป็นสถานที่จริงที่จะดำเนินการก่อสร้างโครงการแลนด์บริดจ์
ต่อมา นายกรัฐมนตรีได้ดูผังท่าเรือบริเวณแหลมอ่าวอ่างต.ราชกรูด อ.เมืองระนอง จ.ระนอง พร้อมรับฟังบรรยายสรุป
จากนั้น นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้เป็นครั้งแรกที่ได้มาลงพื้นที่บริเวณดังกล่าวและได้ฟังการนำเสนอว่า วิธีการโดยภาพรวมจะมีการถมทะเลออกไปเท่าไหร่ และระยะห่างออกไปเท่าไหร่ และมีช่องน้ำอย่างไรบ้าง ซึ่งที่มีการนำเสนอมาจะต้องมีการสร้างตอม่อเป็นบริดจ์ออกไป เพื่อให้เรือประมง ทำให้ประชาชนประกอบอาชีพเรือประมงได้ ก็เห็นถึงศักยภาพที่คณะกรรมการแลนด์บริดจ์ได้นำเสนอขึ้นมา
@เปรียบ ‘แลนด์บริดจ์’ เทียบเท่า ‘สุวรรณภูมิ’ ประโยชน์มหาศาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในพื้นที่เองก็ยังมีการคัดค้าน จะมีการทำความเข้าใจอย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องที่รัฐบาลจะทำโครงการใหญ่ๆ ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องมีคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งรัฐบาลเองมีหน้าที่ที่จะต้องรับฟังความคิดเห็นประชาชน ทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่ ก็เข้าใจว่า จะมีคนมายื่นหนังสือ ซึ่งส่วนตัวก็จะรับฟังว่า ความเป็นห่วงเป็นใยของชาวบ้านคืออะไร
เมื่อถามว่า รัฐบาลยังขาดการทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตอนนี้เพิ่งเริ่ม อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เรื่องโต เดี๋ยวรัฐบาลคอยรับฟังความคิดเห็นของประชาชนก่อนแล้วกัน ถ้ายังจำกันได้เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา มีโครงการเมกะโปรเจกต์ใหญ่ระดับชาติ ที่หนองงูเห่า ซึ่งมีการถกเถียงกันนานมากว่าจะสร้างสนามบินแห่งที่ 2 รองจากสนามบินดอนเมือง ซึ่งรัฐบาลของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็เดินหน้าลุยเต็มตัวทำสนามบินสุวรรณภูมิขึ้นมาได้ ซึ่งนายสุริยะ ก็เป็นรัฐมนตรีคมนาคม ในสมัยนั้น
และ 20-30 ปีที่ผ่านมา เท่าที่ดูมาก็ไม่มีเมกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่เลยในประเทศ ก็ไปดูว่าประโยชน์ที่จะได้รับจากสนามบินสุวรรณภูมิ 20 ปีที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ประโยชน์มีมหาศาล ทำให้ประเทศเราเป็นจุดศูนย์กลางการท่องเที่ยวแห่งสำคัญ บางที่ยังบอกว่า ประเทศเราเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในโลก ถ้าไม่มีโครงการเหล่านี้ ก็คงไม่มาถึงจุดนี้ เป็นธรรมดานานๆ ทีจะมีเมกะโปรเจกต์ ก็ต้องรับฟังความคิดเห็นประชาชน ถือเป็นเรื่องสำคัญทั้งฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า อยากให้นายกรัฐมนตรีย้ำถึงประโยชน์ และสร้างความมั่นใจให้กับคนในพื้นที่ นายเศรษฐา กล่าวว่า โครงการแลนด์บริดจ์เป็นโครงการที่จะเชื่อมต่อระหว่างอันดามันกับอ่าวไทยเข้าด้วยกัน เป็นการย่นระยะทาง การขนถ่ายสินค้าที่ต้องผ่านช่องแคบมะละกา ที่ปัจจุบันเริ่มหนาแน่น และมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ฉะนั้น การขนถ่ายสินค้าจากส่วนหนึ่งของโลกไปอีกส่วนหนึ่งของโลก ก็มีความอึดอัดพอสมควร ดังนั้น การที่จะสร้างเมกะโปรเจกต์ที่เชื่อมทะเลอ่าวไทย ไปทะเลอันดามันและส่งต่อไปทั่วโลกเป็นเรื่องที่สำคัญ ทั้งยังนำความเจริญก้าวหน้าเข้ามาสู่ประเทศทั้งเรื่องการขนถ่ายสินค้าเป็นแรงจูงใจให้บริษัทข้ามชาติ หลายบริษัทมาสร้างแหล่งผลิตส่งออก ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์เครื่องจักรกลอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ ทั้งนี้ หากไปดูในรายละเอียดการขนส่งสินค้าน้ำมันไปทั่วโลก 60% ผ่านทางช่องแคบมะละกา ซึ่งตรงนี้ถือเป็นความมั่นคงทางเศรษฐกิจที่เราจะต้องผลักดันให้ประเทศมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในเรื่องนี้
@ไม่ทิ้งมิติด้านสิ่งแวดล้อม
ส่วนเรื่องผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ที่ชาวบ้านในพื้นที่อยากให้ศึกษาให้รอบด้านก่อน เพราะถือเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำและเป็นพื้นที่รอการเสนอเป็นมรดกโลก รวมถึงความสัมพันธ์กับการท่องเที่ยว อีกทั้ง จ.ระนองค่อนข้างจะส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและธรรมชาติ จึงเกิดข้อกังวลกับผลกระทบดังกล่าว จึงอยากให้ศึกษาก่อนผลักดันนั้น นายเศรษฐากล่าวว่า ต้องศึกษาก่อน จริงๆแล้วขั้นตอนต่อไปจะไปดูแหล่งน้ำพุร้อน เรื่องของการท่องเที่ยว ดังนั้นเรื่องของการท่องเที่ยวให้ความสำคัญอย่างยิ่ง การที่เราจะสนับสนุนตรงนี้ต้องควบคู่เรื่องของความเจริญในหลายๆ มิติ
เมื่อถามถึงเรื่องของขั้นตอนการชี้แจงกับประชาชนต้องศึกษาก่อนอนุมัติ การที่มีการผลักดันโครงการในตอนนี้เหมือนเป็นการผลักดันไปก่อนที่จะมีการศึกษา นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องควบคู่กันไป ยังไงก็ต้องฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชน ส่วนระยะเวลานั้น เดี๋ยวก็ต้องไปดูจะช้าหรือเร็ว ก็ต้องขึ้นอยู่กับเสียงเรียกร้องด้วยว่าจะต้องทำมากน้อยขนาดไหน แต่ขอยืนยันต้องพยายามอย่างเต็มที่ให้เป็นที่เข้าใจของทุกฝ่าย
@มองในแง่ดีเป็นโอกาสมากกว่า
ส่วนกรณีที่ชาวบ้านมีความกังวลในเรื่องของการจ้างงานที่จะเกิดอุตสาหกรรมรอบด้านทางท่าเรือ จะต้องทำความเข้าใจและชี้ชัดเรื่องอาชีพด้วยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่น่าจะเป็นความกังวล น่าจะเป็นเรื่องของโอกาสมากกว่า วันนี้ให้มองว่าเป็นโอกาส ท่าเรือที่สร้างเข้ามาก็ไม่ใช่แค่ขนถ่ายสินค้าอย่างเดียว เรือสำราญต่างๆ ก็มาเทียบจอดได้ ตนเชื่อว่า นี่เป็นโอกาสครั้งสำคัญ ไม่ใช่แค่ชาวระนอง ทางจังหวัดแถวอันดามันก็ได้ประโยชน์ควบคู่กับการพัฒนาภาคใต้ทั้งเขตภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสนามบินอันดามัน เส้นสนามบินอันดามันที่อยู่ทางตอนเหนือของภูเก็ตซึ่งจะเป็นสนามบินขนาดใหญ่เหล่านี้เป็นการพัฒนาควบคู่กันไป ซึ่งทางรัฐบาลเรามีความเชื่อว่าจะยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนทางด้านภาคใต้
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า แล้วต้องดูในเรื่องของความมั่นคงด้วยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ยืนยันว่า เวลาทำโครงการเมกกะโปรเจคทั้งหมดเราดูแลให้ครบทุกมิติ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดระนองดูแลพี่น้องประชาชนและรับฟังความคิดเห็นว่า มีความคิดเห็นต่อโครงการแลนด์บริดจ์อย่างไร ทั้งนี้ รัฐบาลพร้อมยินดีรับฟัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่ นายเศรษฐาจะเดินทางมาถึง ปรากฏว่า ได้มีกลุ่มคัดค้านติดป้ายผ้าขนาดใหญ่ เขียนข้อความเป็นภาษาอังกฤษว่า “No landbridje แลนด์บริดจ์” ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้กันไม่ให้เข้ามาในพื้นที่ เพียงให้อยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้าอุทยานฯเท่านั้น เพื่อเลี่ยงการเผชิญหน้า
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เดินไปรับหนังสือจากตัวแทนประชาชนและภาคประชาชน ที่คัดค้านการก่อสร้างโครงการแลนด์บริดจ์ โดยชาวบ้านเรียกร้องให้นายเศรษฐารับฟังความเห็นจากประชาชนในพื้นที่ด้วย ไม่ใช่รับฟังความเห็นจากหน่วยงานเท่านั้น ก่อนที่นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ต้องห่วงเรื่องความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เป็นเรื่องที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญ แลนด์บริดจ์เป็นเรื่องของโอกาส แต่การมีโอกาส ก็ต้องให้โอกาสกับคนในพื้นที่ได้แสดงความคิดเห็น เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนทุกคน