‘สุริยะ’ ปลื้มผลงานรถไฟฟ้า 20 บาท เล็งตั้งกองทุนอุดหนุนราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าทั้งระบบ ใช้เงินปีละ 7,000-8,000 ล้านบาท สบช่องอาจใช้ช่องทางเก็บภาษีจากการใช้น้ำมันของคนกรุงเทพและปริมณฑลมาเจือจาน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 21 ธันวาคม 2566 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในปี 2566 ได้เข้ามาบริหารกระทรวงเป๊นระยะเวลา 99 วัน มี 9 โครงการเด่น ที่ดำเนินการผลักดันให้เกิดเป็นรูปธรรม คือ 1. มาตรการกำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุดไม่เกิน 20 บาท หรือนโยบายค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่ได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ได้นำร่อง 2 โครงการ คือ รถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงเตาปูน - คลองบางไผ่ และรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ - รังสิต และช่วงบางซื่อ - ตลิ่งชัน
ทั้งนี้จะเร่งขยายมาตรการค่าโดยสาร 20 บาท ในรถไฟฟ้าเส้นทางอื่น ๆ ภายใน 2 ปี โดยขณะนี้ กระทรวงคมนาคม อยู่ระหว่างการหารือและพิจารณาร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประเมินทั้งโครงข่ายทุกสาย กรณีลดค่าโดยสารเหลือไม่เกิน 20 บาท รายได้ของผู้ให้บริการจะลดลง ซึ่งจะต้องมีเงินอุดหนุนประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท/ปี
ขั้นตอนต่อไป จะเร่งผลักดัน ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. … หรือ พ.ร.บ.ตั๋วร่วมเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ในสมัยแรกนี้ และหลังพ.ร.บ.ตั๋วร่วมมีผลบังคับใช้ จะสามารถจัดตั้งกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม ที่จะระดมเงินรายได้เข้ากองทุนต่อไป โดยกำลังศึกษาแนวทาง ซึ่งมีหลายแนวคิด เช่น ใช้กลไกลภาษีน้ำมัน โดยปัจจุบัน การปรับขึ้นลงของราคาน้ำมันจะเป็นไปตามราคาตลาดโลก มองว่าในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล หากจัดเก็บราคาน้ำมันเพิ่มอีก 50 สต./ลิตร เพื่อนำรายได้ส่วนนี้เข้ากองทุนฯ การลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย จะจูงใจให้ประชาขนหันมาเดินทางด้วยขนส่งสาธารรณะ ลดค่าใช้จ่ายและลดมลพิษทางอากาศ ขณะที่ปัจจุบันมีรถยนต์ ในพื้นที่กทม.และปริมณฑลประมาณ 1 ล้านคัน
“นโยบายค่าโดยสารสูงสุด 20 บาท นำร่อง 2 สาย ถือเป็นนโยบายที่นำมาปฎิบัติได้จริงและรวดเร็ว ประชาชนตอบรับ ส่วนจะเร่งผลักดันให้ใช้ได้ทุกสายนั้น ไม่ได้จะเป็นการบังคับเอกชนผู้ให้บริการ เพราะมีเงื่อนไขสัญญาสัมปทานกำหนดไว้ ไม่สามารถแก้ไขได้ จึงต้องหาแนวทางอุดหนุนรายได้ที่จะหายไป" นายสุริยะกล่าว
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ที่มาภาพปก: กรมการขนส่งทางราง