เผยมติคณะกรรมการ ป.ป.ช.เสียงเอกฉันท์ตีตกข้อกล่าวหา พ.ต.อ.สุรพล พูลศิริ อดีตรองผบก.สถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศ เปลี่ยนสีรถโดยสารไม่ได้รับอนุญาต - อนุญาตให้มีการดำเนินกิจการซักรีดในหอพัก โดยมิได้ขออนุญาต หลังพิจารณาสำนวนไต่สวนคดีเบื้องต้นไม่ปรากฏข้อเท็จจริงพยานหลักฐานฟังได้ว่ากระทำความผิด ไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 2563 เสียงเอกฉันท์ตีตกข้อกล่าวหา พันตำรวจเอก สุรพล พูลศิริ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองผู้บังคับการ สถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย 2 กรณี คือ 1. ดำเนินการเปลี่ยนสีรถโดยสาร ทะเบียน 30 - 0142 นครปฐม โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ไม่ดำเนินการจัดจ้างตามระเบียบและทำเอกสารจัดจ้างเป็นเท็จ
2. อนุญาตให้มีการดำเนินกิจการซักรีดในหอพักของสถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย โดยมิได้ขออนุญาตจากกรมธนารักษ์ และไม่ได้มีการเปิดซองประมูล ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535
หลังพิจารณาสำนวนไต่สวนคดีเบื้องต้นไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่จะฟังได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
สำนักงาน ป.ป.ช. ระบุพฤติการณ์ที่กล่าวหาว่ากระทำผิดโดยสรุป ดังนี้
กรณีที่หนึ่ง
พันตำรวจเอก สุรพล พูลศิริ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รองผู้บังคับการสถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายได้ดำเนินการเปลี่ยนสีรถโดยสาร ทะเบียน 30 0142 นครปฐม โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนซึ่งเป็นรถโดยสารของกลางยาเสพติดที่ทางสถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ได้ยืมมาจากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเป็นการชั่วคราว และได้ใช้งบประมาณของทางรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ในวงเงิน 60,000 บาท โดยพันตำรวจเอก สุรพล พูลศิริ ได้ลงนามในใบสั่งจ้างที่ 045/54 ลงวันที่ 19 ธันวาคม 2554 ในนามของปฏิบัติราชการแทนผู้อำนวยการบริหาร โดยสั่งการให้นางสาวจุฑาทิพย์ อ่อนจันทร์ เจ้าหน้าที่การเงิน ตรวจสอบเงินงบประมาณในบัญชีว่ามีงบประมาณคงเหลือ 60,000 บาท ซึ่งจะใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนสีรถที่อู่เสี่ยวี ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้มีการนำรถเข้าไปตีราคาที่อู่แต่อย่างใด ต่อมาได้สั่งการให้นางสาวธิติมา สุนทรโชติ เป็นผู้ร่างหนังสือแจ้งความประสงค์เสนอต่อพันตำรวจเอก สมาน สุขหร่อง เพื่อลงนาม โดยไม่มีการเสนอต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นตามขั้นตอนของระเบียบงานสารบรรณแต่อย่างใด ต่อมาพันตำรวจเอก สุรพล พูลศิริ ได้นำรถโดยสาร คันดังกล่าว ไปทำสีที่อู่รุ่งประเสริฐทัวร์ แต่ได้ออกใบเสร็จเพื่อมาเรียกเก็บเงินกับทางสถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ในนามของ บริษัท ณัฐกิจบวร จำกัด หลังจากนั้นได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจรับการจัดจ้างมาดำเนินการตรวจรับการจัดจ้าง ผลปรากฏว่าคณะกรรมการตรวจรับการจัดจ้างไม่สามารถตรวจรับการจัดจ้างเปลี่ยนสีรถโดยสารคันดังกล่าวเนื่องจากพบความไม่ถูกต้องและต่อมาในภายหลังพันตำรวจเอก สุรพล พูลศิริ ได้กระทำการกลบเกลื่อนความผิดของตนด้วยการทำหนังสือแจ้งความประสงค์ขอบริจาคทรัพย์สิน ทั้งที่มีเจตนาทุจริตไม่บริสุทธิ์ใจมาตั้งแต่ต้นแล้ว
กรณีที่สอง
เมื่อประมาณปลายปี 2551 พันตำรวจเอก สุรพล พูลศิริ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผู้กำกับการฝ่ายกิจการนักศึกษา สถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ได้ดำเนินการกิจการซักรีดที่หอพักของสถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย โดยการดำเนินการดังกล่าวนั้นไม่ได้มีการจัดจ้างตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 แต่อย่างใด ซึ่งกิจการดังกล่าวพันตำรวจเอก สุรพล พูลศิริ ได้ให้นายธนกิจ เอี่ยมสอาด เป็นเจ้าของ และมีนางจินตนา เกษมสินธุ์ ภรรยาของนายธนกิจ เอี่ยมสอาด เป็นผู้ดูแลกิจการ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวไม่ได้ขออนุญาตสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ดังกล่าวให้ถูกต้องตามระเบียบแต่อย่างใด และได้มีการใช้น้ำและไฟฟ้าของทางสถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ทำให้สถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายต้องแบกภาระ ค่าไฟฟ้าและค่าน้ำโดยใช้เงินงบประมาณของทางราชการจากกองบัญชาการการศึกษา จึงเป็นการจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535
ผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดังนี้
กรณีดำเนินการเปลี่ยนสีรถโดยสาร ทะเบียน 30 - 0142 นครปฐม โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ไม่ดำเนินการจัดจ้างตามระเบียบและทำเอกสารจัดจ้างเป็นเท็จ
จากข้อเท็จจริงข้างต้นการดำเนินการอนุมัติในการจัดจ้างซ่อมสีรถยนต์โดยสารคันหมายเลขทะเบียน 30 - 0142 นครปฐม พันตำรวจเอก สุรพล พูลศิริ ได้ดำเนินการในฐานะรักษาราชการแทนผู้บังคับการสถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ตามคำสั่งสถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ที่ 11/2554 เรื่องมอบหมายอำนาจหน้าที่รักษาราชการแทน ลงวันที่ 6 กันยายน 2554 จึงมีอำนาจและหน้าที่ในการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดจ้างตามความในข้อ 9 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม การอนุมัติและสั่งการดังกล่าวจึงกระทำโดยมีอำนาจ และการดำเนินการจัดจ้างนั้นไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่ามีการจัดทำเอกสารเท็จแต่อย่างใด และในกรณีดังกล่าวนั้นพันตำรวจเอก สุรพล พูลศิริ ผู้ถูกกล่าวหา ได้ใช้งบประมาณส่วนตัวในการดำเนินการจัดจ้างซ่อมสีรถยนต์โดยสารคันหมายเลขทะเบียน 30 - 0142 นครปฐม โดยมิได้ใช้งบประมาณของสถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายแต่อย่างใด จึงเห็นว่ามิได้อยู่ภายใต้บังคับของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ดังนั้นการนำรถคันดังกล่าวไปซ่อมสีนั้น
จึงเป็นการกระทำในนามส่วนตัว จึงเห็นว่าการที่พันตำรวจเอก สุรพล พูลศิริ ซึ่งได้กระทำการในฐานะปฏิบัติราชการแทนผู้อำนวยการสถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ได้ดำเนินการเปลี่ยนสีรถโดยสารคันหมายเลขทะเบียน 30 - 0142 นครปฐม โดยมิได้ขออนุญาตจากนายทะเบียน และเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริง อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 78 และมาตรา 149 แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 นั้น แต่กรณีดังกล่าวการกระทำของพันตำรวจเอก สุรพล พูลศิริ นั้นได้กระทำโดยใช้ทรัพย์สินส่วนตัว ซึ่งไม่เกิดความเสียหายต่อทางราชการแต่อย่างใด กรณีดังกล่าวพิจารณาแล้วเห็นว่าพันตำรวจเอก สุรพล พูลศิริ มิได้มีพฤติการณ์ในการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามที่กล่าวหาแต่อย่างใด จึงเห็นควรให้ข้อกล่าวหาตกไป
กรณีอนุญาตให้มีการดำเนินกิจการซักรีดในหอพักของสถาบันฝึกอบรมระหว่าง ประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย โดยมิได้ขออนุญาตจากกรมธนารักษ์ และไม่ได้มีการเปิดซองประมูล ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีวาด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535
ในดำเนินกิจการซักรีดภายในหอพักของสถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายนั้น ผู้ที่มีอำนาจในการอนุมัติให้ดำเนินการเป็นอำนาจหน้าที่ของผู้อำนวยการบริหาร ทั้งนี้ตามนโยบายของคณะกรรมการ่วมสหรัฐ - ไทย ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 5 ของข้อตกลงระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับสถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งพันตำรวจเอก สุรพล พูลศิริ ผู้ถูกกล่าวหา ในขณะเกิดเหตุได้ดำรงตำแหน่งผู้กำกับการฝ่ายฝ่ายกิจการนักศึกษา สถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย มีอำนาจหน้าที่ ตามระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2552 ข้อ 3 (20) (ฉ) มีหน้าที่และความรับผิดชอบเกี่ยวกับการดูแลความเป็นอยู่และอำนวยความสะดวกให้กับผู้เข้ารับการฝึกอบรมเกี่ยวกับเรื่องยานพาหนะ ที่พักและอาหาร กิจกรรมต่างๆ จึงมิได้มีหน้าที่ในการอนุมัติให้ผู้ใดมาดำเนินกิจการใดๆ ของสถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายแต่อย่างใด และมิได้มีพฤติการณ์แสดงตนว่ามีอำนาจหน้าที่ดังกล่าว อีกทั้งก็มิได้มีหน้าที่ในการขออนุญาตจากกรมธนารักษ์หรือสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ในการใช้จัดหารปะโยชน์ในพื้นที่ของอาคารหอพักสถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายซึ่งเป็นที่ราชพัสดุแต่อย่างใด
กรณีดังกล่าวพิจารณาแล้วเห็นว่าพันตำรวจเอก สุรพล พูลศิริ มิได้มีพฤติการณ์ในการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหาย แก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามที่กล่าวหาแต่อย่างใด อีกทั้งกรณีดังกล่าวนั้นการดำเนินกิจการซักรีดภายในอาคารหอพักของสถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายนั้น ผู้บริหารทั้งฝ่ายไทยและสหรัฐอเมริกาเห็นควรให้มีผู้มาดำเนินการซักรีดเพื่อเป็นการบริการแก่ผู้ที่มาเข้าพักอบรม ซึ่งพันตำรวจเอก สุรพล พูลศิริ ได้แนะนำนายธนกฤษ เอี่ยมสะอาด ให้มาเป็นผู้ดำเนินกิจการซักรีดภายในหอพักของสถาบันฯ ทางผู้บริหารทั้งฝ่ายไทยและสหรัฐอเมริกา เห็นว่ากรณีดังกล่าวเกิดประโยชน์ต่อทางสถาบันฯ จึงให้ความเห็นชอบให้มาดำเนินการ ซึ่งในการจัดหาผู้ประกอบการนั้นเหตุที่ไม่ได้มีการดำเนินการจัดหาตามระเบียบของทางราชการได้ปรากฏตามถ้อยคำของนางศศิวรรณ กรีนสเฟลเดอร์ ผู้ช่วยอำนวยการโครงการของสถาบันฯ ที่ได้ให้ถ้อยคำต่อผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริงของ บก.ตท. ว่าในการหาผู้มาให้บริการแก่ผู้เข้ารับการอบรมนั้นไม่ได้ใช้งบประมาณของรัฐในการจัดซื้อจัดจ้าง ประกอบกับทางฝ่ายสหรัฐอเมริกาเป็นผู้จ่ายเงินค่าซักผ้าให้แก่ผู้เข้ารับการอบอรม จึงมิได้มีการดำเนินการจัดจ้างตามระเบียบฯ ของทางราชการ ส่วนเหตุที่ไม่ได้ขออนุญาตในการให้บริการซักรีดต่อสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ปรากฏตามถ้อยคำของนางสาวสุวรีย์ จิวโพธิ์เจริญ หัวหน้ากองอสังหาริมทรัพย์ 2 ฝ่ายบริหารงานอสังหาริมทรัพย์ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์อาคารหอพักของสถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ตั้งอยู่นั้น เป็นพื้นที่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มาขอเช่าที่ดินต่อสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ โดยมีการตกลงสัญญาเช่าเป็นระยะเวลา 1 ปี และมีการต่อสัญญาทุกๆ ปี ซึ่งในกรณีที่มีการปลูกสร้างอาคารลงบนพื้นที่ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์นั้นสิ่งปลูกสร้างหรืออาคารดังกล่าวจะไม่ใช่ทรัพย์สินภายใต้การดูแลของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ แต่จะเป็นกรรมสิทธิ์ของที่ราชพัสดุ ซึ่งอยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติที่ ราชพัสดุ พ.ศ. 2518 มิใช่เป็นกรรมสิทธิ์ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ซึ่งจะอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของกรมธนารักษ์ ซึ่งในกรณีดังกล่าวอาคารหอพักดังกล่าวมิใช่เป็นกรรมสิทธิ์ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ แต่เป็นที่ราชพัสดุ จึงมิต้องขอความอนุญาตต่อสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์แต่อย่างใด
ส่วนกรณีการขอใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุต่อกรมธนารักษ์นั้นจากถ้อยคำของ พันตำรวจเอก เกษมสันติ อยู่สุขสมบูรณ์ รองผู้บังคับการสถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ความว่าผู้บริหารทั้งฝ่ายไทยและสหรัฐอเมริกาเห็นว่าเนื่องจากกรณีดังกล่าวเป็นการดำเนินการซักรีดเพื่อบริการในลักษณะเป็นการจัดสวัสดิการให้แก่นักศึกษาของภายในสถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย เท่านั้น ไม่ได้ดำเนินกิจการซักรีดให้แก่บุคคลภายนอกแต่อย่างใด จึงไม่ได้มีลักษณะที่เป็นการดำเนินกิจการเพื่อการค้ากำไรแต่อย่างใด ดังนั้นการดำเนินกิจการซักรีดดังกล่าวนั้น จึงไม่ต้องดำเนินการขออนุญาตจากกรมธนารักษ์ จากข้อเท็จจริงดังกล่าวเห็นว่าการกระทำดังกล่าวไม่เป็นมูลความผิดทางอาญาแต่อย่างใด จึงเห็นควรให้ข้อกล่าวหาตกไป
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 7 เสียง เห็นชอบตามความเห็นของคณะไต่สวนเบื้องต้น ว่าจากการไต่สวนเบื้องต้นไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่จะฟังได้ว่าพันตำรวจเอก สุรพล พูลศิริ กับพวก ได้ร่วมกันกระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป