นายกฯ มอบนโยบายแก้ปัญหา ‘หนี้นอกระบบ’ แนะเจ้าหน้าที่รัฐใช้ทั้ง ‘ไม้อ่อน-ไม้แข็ง’ ดึง ‘เจ้าหนี้-ลูกหนี้’ เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยหนี้ฯ พร้อมระบุการตั้ง KPI วัดผลงาน ต้อง ‘ไม่ง่าย-ไม่ยากเกินไป’
..........................................
เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นประธานประชุมมอบนโยบายและแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด และผู้กำกับการสถานีตำรวจทั่วประเทศ โดยนายเศรษฐา ระบุตอนหนึ่งว่า วันนี้ไม่ได้เชิญทุกท่านมากระชับอำนาจให้ แต่มาขอแรงให้ช่วยทำประโยชน์ให้ประชาชน และทำให้การค้าทาสในยุคใหม่หมดไปจากประเทศไทย
“พี่น้องเพื่อนร่วมชาติจำนวนมากมีความทุกข์ ถูกพรากอิสรภาพในการใช้ชีวิต เพราะมีหนี้สินจองจำอยู่ ท่านในฐานะข้าราชการฝ่ายปกครองที่ทำหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุข และเจ้าหน้าที่ตำรวจในฐานะผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เชื่อมั่นว่าท่านช่วยพี่น้องประชาชนให้มีอิสรภาพ ต่อชีวิต สร้างขวัญและกำลังใจให้ได้ ซึ่งในฐานะนายกฯ จำเป็นต้องขอพึ่งพาความรู้ความสามารถของพวกท่าน ช่วยให้พี่น้องประชาชนเป็นอิสระ หลุดพ้นพันธนาการหนี้นอกระบบ” นายเศรษฐา กล่าว
นายเศรษฐา ย้ำด้วยว่า รัฐบาลได้กำหนดให้การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเป็นวาระแห่งชาติ ที่พวกเราทุกคนจะต้องมาร่วมแรงร่วมใจกัน แก้ไขปัญหานี้ให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินที่สูงอย่างไม่เป็นธรรม การทวงถามหนี้ที่มีลักษณะคุกคามขู่เข็ญหรือใช้กำลังประทุษร้าย ส่งผลต่อการใช้ชีวิตและความสงบเรียบร้อยของสังคม
“อยากให้ทุกท่านได้รับรู้ และทำความเข้าใจที่ตรงกันว่า การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบนั้น เป็นวาระสำคัญของชาติจริง ๆ นี่ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาเพื่อภาพลักษณ์ของรัฐบาล ของตนเอง หรือของหน่วยงานท่าน แต่นี่คือการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ให้สามารถฟื้นกลับมาใช้ชีวิตโดยไม่ต้องหวาดระแวง” นายเศรษฐา กล่าว
@ลงทะเบียนหนี้นอกระบบแล้ว 7.1 หมื่นราย 3.5 พันล.
นายเศรษฐา กล่าวถึงกระบวนการเกี่ยวกับการร้องเรียน ว่า วันนี้เราทำต่างจากที่เคยทำมาในอดีต โดยบูรณาการช่องทางให้หลากหลาย เพื่อให้ประชาชนเลือกเข้าไปในช่องทางที่รู้สึกสะดวก ปลอดภัย ซึ่งช่องทางแรก กระทรวงมหาดไทยได้เปิดให้มีการลงทะเบียนลูกหนี้นอกระบบผ่านศูนย์ดำรงธรรม ระดับจังหวัดและระดับอำเภอ รวมถึงเบอร์ติดต่อ 1567 ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.ถึงวันนี้ (8 ธ.ค.) มีลูกหนี้ที่มาลงทะเบียนแล้ว 71,000 คน รวมยอดมูลหนี้นอกระบบ 3,500 ล้านบาท
นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สายด่วน 1599 และประชาชนก็สามารถเข้าไปที่โรงพักใกล้บ้านเพื่อแจ้งเหตุได้ ในส่วนของสำนักนายกรัฐมนตรี มีศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ สายด่วน 1111 ที่ประชาชนทั่วประเทศสามารถร้องเรียนความเดือดร้อนปัญหาหนี้นอกระบบได้
"เมื่อรับเรื่องร้องเรียนแล้ว ข้อมูลของประชาชนจะมีการประสานเชื่อมโยงฐานข้อมูลจากทุกช่องทางเข้ามาด้วยกัน เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน ได้รับการดูแลไม่ให้ตกหล่น และเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่มีการบิดเบือน ประชาชนที่ลงทะเบียนก็จะได้รับเลข Reference Number ในทุกๆกรณี เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง โดยประชาชนสามารถติดตามความคืบหน้าหรือสถานการณ์การดำเนินการที่ได้ร้องเรียนไว้บนเว็บไซต์ของภาครัฐได้ตลอดเวลา" นายเศรษฐากล่าว
@มอบ‘สำนักนายกฯ’ติดตามผลแก้‘หนี้นอกระบบ’
นายเศรษฐา ระบุว่า ขอให้ทุกคนร่วมเป็นกระบอกเสียง ช่วยกันสื่อสาร เชื้อเชิญให้ประชาชนที่มีความเดือดร้อนเข้ามาลงทะเบียน ไม่ว่าจะเป็นการทวงหนี้จากแก๊งหมวกกันน็อค เว็บไซต์ให้กู้ยืมออนไลน์ หรือเจ้าหนี้นอกระบบรูปแบบอื่นๆ ทุกการสื่อสารของท่าน ล้วนเป็นกำลังสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขหนี้นอกระบบสำเร็จ ทั้งนี้ หลังจากที่เรื่องร้องเรียนเข้ามาในระบบแล้ว ส่วนกลางจะวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อจัดประเภทเรื่องที่ร้องเรียน ก่อนส่งไปให้แต่ละพื้นที่ดำเนินการต่อ
“ถ้าพบว่ามีกรณีที่องค์ประกอบความผิดครบ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าพนักงานอัยการสามารถดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีได้ทันที ขอย้ำว่า ถ้าองค์ประกอบความผิดครบ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด ไม่ได้มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่แต่อย่างใด แต่เชื่อว่าในหลายๆครั้ง เจ้าหนี้และลูกหนี้ก็ยังพร้อมที่จะประนีประนอมกันได้ ก็ขอให้เชิญเข้ามาไกล่เกลี่ยกัน
ให้เข้ามาร่วมกันหาทางออกอย่างสันติวิธี และถูกต้องตามกฎหมาย จัดทำเป็นสัญญาประนีประนอมต่อกัน ตามแบบฟอร์มที่กระทรวงมหาดไทยได้จัดเตรียมไว้ และกำหนดอัตราดอกเบี้ย ระยะเวลา และงวดผ่อนชำระหนี้ที่เหมาะสมกับศักยภาพการชำระหนี้ของลูกหนี้แต่ละราย ซึ่งจะเป็นทางออกที่ดีทั้งกับเจ้าหนี้และลูกหนี้” นายเศรษฐา ระบุ
นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า ในการดำเนินการทั้งหมดตั้งแต่รับเรื่อง รัฐบาลจะมีการติดตามผล โดยสำนักนายกรัฐมนตรีจะทำการติดต่อติดตามผล เพื่อดูว่าทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้สามารถดำเนินการตามข้อตกลงที่ทำไว้ได้หรือไม่ หากยังพบปัญหาไม่สามารถดำเนินการตามสัญญาฉบับใหม่ได้ ก็จะขอเชิญเจ้าหนี้และลูกหนี้เข้ามาร่วมกันแก้ไขข้อตกลงให้เหมาะสมกันอีกครั้ง หรือหากในภายหลังพบว่ายังมีการข่มขู่
หรือเจ้าหนี้ไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญาไกล่เกลี่ยฯ จนเป็นเหตุให้ลูกหนี้เดือดร้อน พนักงานฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องร่วมกันบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป โดยกระบวนการทั้งหมดนี้ ไม่ได้เป็นการตัดสิทธิลูกหนี้ หรือเจ้าหนี้ในการใช้สิทธิอื่นๆ ตามกฎหมาย หรือกระบวนการยุติธรรมอื่นๆ แต่ขอย้ำว่าเป็นกระบวนการที่เจ้าหนี้และลูกหนี้ ร่วมกันสมัครใจเข้ามาเพื่อหาทางออกร่วมกัน
“รัฐยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือทั้งในชั้นการไกล่เกลี่ย การให้คำแนะนำ และการให้ความช่วยเหลือจากสถาบันการเงินของรัฐ เข้าใจดีว่าในหลายครั้ง ลูกหนี้ตั้งใจที่จะฟื้นฟูศักยภาพ และต้องการช่องทาง แหล่งเงินอื่นๆ นอกเหนือจากเจ้าหนี้ที่กล่าวไป” นายเศรษฐา กล่าวและว่า “กระทรวงการคลัง และสถาบันการเงินของรัฐ จะเข้ามามีส่วนร่วมในการให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ตามโครงการที่ได้จัดเตรียมไว้”
@ต้องใช้‘ไม้อ่อน-ไม้แข็ง’แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ
นายเศรษฐา ระบุว่า หนี้นอกระบบเป็นปัญหาที่มีความซับซ้อน แต่มีส่วนที่สำคัญและอยากจะลงรายละเอียดให้มากขึ้น เช่น การไกล่เกลี่ยประนีประนอมข้อพิพาท ซึ่งขั้นตอนนี้ เป็นทั้งศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการคำนวณ การคิดดอกเบี้ยหนี้สิน และเป็นทั้งศิลป์ที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้
“ปัญหาที่ท่านอาจจะพบ คือ การที่เจ้าหนี้หรือลูกหนี้ไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย อาจจะต้องออกไปพบ ไปพูดคุย เชิญชวน ซึ่งเป็นมาตรการที่ตนเรียกว่าไม้อ่อน เพื่อให้พวกเขาสมัครใจเข้ามาสู่กระบวนการ และในหลายๆ ครั้ง เจ้าหน้าที่อาจจะต้องเป็นผู้ใช้อำนาจตามกฎหมายในการบังคับ ซึ่งเป็นไม้แข็งในการนำเจ้าหนี้หรือลูกหนี้เข้าสู่ระบบ และขอให้ทุกคนไม่ยอมแพ้ ไม่ท้อถอย ไม่หยุดช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะกรณีที่พวกเขาไม่ยอมสมัครใจเข้าสู่กระบวนการ
ทั้งนี้ ขอให้มุ่งเป้าไปที่กลุ่มเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ที่มีพฤติการณ์กระทำผิดกฎหมาย สร้างความเดือดร้อนนานาชนิด อย่าปล่อยผ่าน ทุกคนต้องนำความรู้ด้านการทำสัญญาประนีประนอม ที่ต้องระบุรายละเอียดเจ้าหนี้และลูกหนี้ให้ชัดเจน กำหนดมูลหนี้ การคิดอัตราดอกเบี้ย การยกเลิกเพิกถอนสัญญาที่ไม่เป็นธรรม และเงื่อนไขอื่นๆ ในการบังคับคดีหรือสิทธิในทางศาลได้โดยถูกต้องตามกฎหมาย ขอฝากให้ใช้ศาสตร์และศิลป์อย่างตรงไปตรงมา” นายเศรษฐา ระบุ
@กำหนด KPI วัดผลงาน ต้อง‘ไม่ง่าย-ไม่ยากเกินไป’
นายเศรษฐา กล่าวว่า ในการทำงานนั้น เราจะต้องมีเป้าหมาย จึงขอประกาศเป้าหมายว่า หนี้นอกระบบจะต้องได้รับการแก้ไขโดยเด็ดขาด ทั้งฝ่ายปกครองและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องมีการกำหนดตัวชี้วัดหรือ KPI ที่เหมาะสมและกรอบเวลาที่ชัดเจน โดยขอมอบหลักการกว้างๆ คือ จะต้องไม่ตั้งเป้าหมายที่ “ง่ายเกินไป” จนไม่สามารถวัดผลอะไรได้ และไม่ “ยากเกินไป” จนเป็นเหตุให้ผู้ปฏิบัติงานรู้สึกไม่อยากเริ่มทำ
“สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควรจะต้องกำหนดระยะเวลาดำเนินการในการจับกุมเพื่อดำเนินการให้เร็วที่สุด และระยะเวลาการทำสำนวนการสอบสวน ทางกระทรวงมหาดไทย ฝ่ายปกครอง ควรกำหนดสัดส่วนเรื่องที่เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย และเรื่องที่เจ้าหนี้ลูกหนี้ร่วมกันทำสัญญาประนีประนอมได้สำเร็จ
กำหนดระยะเวลาในการดำเนินการแต่ละขั้นตอน ทั้งในชั้นรับเรื่องร้องเรียนถึงการเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย และชั้นการทำสัญญาประนีประนอม ไว้ให้ชัด และไม่นานจนเกินไป โดยกรอบข้างต้นเป็นกรอบกว้าง ๆ ที่ผู้บริหารจะต้องช่วยกันนำไปย่อยเป็นเป้าเล็ก ๆ ให้เป็นความสำเร็จ เพื่อให้ปัญหาที่ระบบลดน้อยลงไป” นายเศรษฐากล่าว
นายเศรษฐา ย้ำว่า “หากทุกท่านได้เข้าช่วยเหลือประชาชนแม้เพียงคนๆเดียว ให้เขาได้พ้นจากความทุกข์ มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งญาติ ลูกหลานของเขา ให้หลุดพ้นจากพันธนาการหนี้ที่ไม่มีวันสิ้นสุดนี้ได้ ท่านควรจะมีความสุขมากๆ เป็น Change for Good สร้างความสุข สร้างรอยยิ้มคืนอิสรภาพให้พี่น้องประชาชน นั่นคือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ สมเกียรติและศักดิ์ศรีในฐานะข้าราชการ ผู้บำบัดทุกข์บำรุงสุข และผู้พิทักษ์สันติราษฎร์”
อ่านประกอบ :
ลงทะเบียนหนี้นอกระบบวันแรก 22,090 คน กทม.มากสุด รวมหนี้ 935 ล้าน
‘ชัชชาติ’ เล็งทำฐานข้อมูลเจ้าหนี้-ลูกหนี้นอกระบบ 50 เขต กทม.
คุมดอกเบี้ย15%! นายกฯสั่ง'มท.-ตร.'ช่วยลูกหนี้ไกล่เกลี่ยฯหนี้นอกระบบ-ดึงแบงก์รัฐปล่อยกู้
‘มหาดไทย’ รับลูก ‘เศรษฐา’ นัดถกแก้หนี้นอกระบบ 28 พ.ย.66