‘เศรษฐา’ ยันไม่มีใครไปกล่าวโทษ ‘เลขากฤษฎีกา’ กรณีพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบ. ชี้ไม่รู้เรื่องนี้และยังไม่คุย ให้คนที่เกี่ยวข้องทำงานไปก่อน ส่วนปมทัพเรือยื่นอัยการสูงสุดดึงเปลี่ยนเรือดำน้ำเป็นเรือฟริเกต ถือเป็นเรื่องเหมาะสม ก่อนบ่นหลายเรื่องปัญหาเยอะ ชี้จีนจะดูให้ ยังไม่คอนเฟิร์มเปลี่ยนเป็นเรือฟริเกต
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 เมื่อเวลา 14.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์กรณีนายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ระบุว่ายังไม่ได้รับหนังสือสอบถามความเห็นเรื่องการออกพระราชบัญญัติกู้เงิน 5 แสนล้านบาทเพื่อนำมาใช้ ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแจกเงิน 1 หมื่นบาท ว่า ยังไม่ทราบ ยังไม่คุยเรื่องนี้ ปล่อยให้ผู้เกี่ยวข้องทำงานกันไป
เมื่อถามว่า จะต้องไปจี้ ไปติดตามหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็จี้ติดตามทุกเรื่อง
เมื่อถามต่อว่า นายปกรณ์ ระบุว่า ตอนนี้เหมือนถูกด่าฟรี นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่เห็นมีใครไปโทษแบบนั้น ใช้คำว่าด่าได้อย่างไร เลขากฤษฎีกาและทุกคนก็ทำงานกัน
@บ่นหลายเรื่องปัญหาเยอะ / เปลี่ยนเรือฟริเกตจีนจะดูให้
ส่วนกรณีที่กองทัพเรือไม่สะดวกใจจะเปลี่ยนจากการซื้อเรือดำน้ำ เป็นเรือฟริเกต จนถึงขั้นกองทัพเรือส่งหนังสือสอบถามไปยังสำนักอัยการสูงสุด(อสส.) นายกรัฐมนตรีระบุว่า เรื่องต่างๆก็มีปัญหากันเยอะไปหมด แต่ก็ขึ้นอยู่กับข้อกฎหมายด้วย ซึ่งการที่กองทัพเรือยื่นหนังสือสอบถามอัยการสูงสุดก็เป็นเรื่องที่เหมาะสม และเป็นขั้นตอนต่อไปที่ควรจะต้องทำอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า จะต้องมีการพูดคุยกับผู้นำจีนเพิ่มเติมหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ชัดเจน เพราะมีเรื่องข้อกฎหมาย
ถามต่อว่า แต่ทางผู้นำจีนเห็นด้วยที่จะเปลี่ยนเป็นเรือฟริเกตแล้ว นายเศรษฐา กล่าวว่า จีนเขารับปากว่าจะดูให้ ขอให้ใช้คำนี้ดีกว่า ซึ่งวันที่ได้คุยกันนายสี จิ้นผิง ประธานาธิปดีสาธารณรัฐประชาชนจีนที่สหรัฐอเมริกา ก็คุยกันหลายเรื่อง แต่ท่านเองก็อาจยังไม่มีข้อมูลเชิงลึกมาก ก็คงต้องไปฟังข้อมูลกันก่อน
อ่านประกอบ
เลขากฤษฎีกา ไม่ตอบทางเลือกอื่น ถ้า พ.ร.บ.กู้เงินไม่รอด ชี้รัฐบาลต้องคิดเอง