เผยมติ ป.ป.ช.ไม่เอกฉันท์ เสียงแตกตีตกข้อกล่าวหา 'สมบัติ มนตรี' อดีตนักวิชาการคอมพิวเตอร์ กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม เรียกรับเงิน 200,00 บาท เอื้อประโยชน์เอกชนเป็นคู่สัญญา หลังผลไต่สวนเบื้องต้นพบพยานหลักฐานไม่เพียงพอที่จะฟังได้ว่ากระทำความผิดข้อกล่าวหาไม่มีมูล แต่ 1 เสียง เห็นว่าผิด ให้มีหนังสือกำชับหน่วยงานต้นสังกัด ระมัดระวังแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการเกี่ยวกับการพัสดุในทุกขั้นตอน ที่อาจนำไปสู่การดำเนินการที่ไม่ชอบได้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. เสียงไม่เอกฉันท์ตีตกข้อกล่าวหา นายสมบัติ มนตรี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนักวิชาการคอมพิวเตอร์ชำนาญการ กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม กรณีเรียกรับเงินจากนางสาวธิติมา รักษาเกียรติ จำนวน 200,00 บาทเพื่อเอื้อประโยชน์ให้บริษัท นิปด้า คอมพิวเทค จำกัด เป็นคู่สัญญากับกรมการขนส่งทางบก
หลังพิจารณาผลไต่สวนเบื้องต้น พบว่า ผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป แต่จากการไต่สวนพบว่า การแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คนเดียวกันทำหน้าที่เกี่ยวกับพัสดุทุกขั้นตอนอาจนำไปสู่การดำเนินการ ทางพัสดุที่ไม่ชอบได้ ให้มีหนังสือกำชับกรมการขนส่งทางบกให้ระมัดระวังการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการเกี่ยวกับการพัสดุในลักษณะดังกล่าวต่อไป
เกี่ยวกับคดีนี้ ป.ป.ช.ระบุพฤติการณ์ที่กล่าวหาว่ากระทำผิดโดยสรุปว่า นายสมบัติ มนตรี ผู้ถูกกล่าวหา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนักวิชาการคอมพิวเตอร์ชำนาญการ กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคมได้รับแต่งตั้งจากกรมการขนส่งทางบกเป็นกรรมการร่างขอบเขตงานและกรรมการตรวจรับพัสดุ กรณีกรมการขนส่งทางบกจัดซื้อครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์ด้วยวิธีการประกวดราคา ทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) มูลค่า 47,094,000 บาท จากบริษัท นิปด้า คอมพิวเทค จำกัด กรณีข้างต้น นายสมบัติ มนตรี ผู้ถูกกล่าวหา เรียกรับเงินจากนางสาวธิติมา รักษาเกียรติ ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท นิปด้า คอมพิวเทค จำกัด เป็นจำนวนเงิน 200,000 บาท
ผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า ที่ประชุม พิจารณาแล้ว ลงคะแนนเสียง แยกเป็นสองฝ่าย ดังนี้
ฝ่ายเสียงข้างมาก ประกอบด้วย กรรมการ ป.ป.ช. จำนวน 4 เสียง เห็นชอบตามความเห็นของคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้นว่า จากการไต่สวนเบื้องต้นพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะฟังได้ว่า นายสมบัติ มนตรี ผู้ถูกกล่าวหา ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหาข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
ฝ่ายเสียงข้างน้อย จำนวน 1 เสียง เห็นว่าการกระทำของนายสมบัติมนตรี มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบต่อหน้าที่ และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคลนอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย หรือกฎ ข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติกฎหมาย และมิใช่การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นตามธรรมจรรยา ตามหลักเกณฑ์และจำนวนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนด และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๕๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 103 วรรคหนึ่ง และมาตรา 123/1 และมีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรงฐานปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต และฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2552 มาตรา 85 (1) (4)
จึงสรุปว่า ผลการลงคะแนนเสียงเพื่อมีมติในการประชุมเรื่องนี้ ต้องถือตามความเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ฝ่ายเสียงข้างมาก จำนวน 4 เสียง ซึ่งเกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ จากการไต่สวนเบื้องต้น พยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะฟังได้ว่า นายสมบัติ มนตรี ผู้ถูกกล่าวหาได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
อย่างไรก็ดี ในเรื่องกล่าวหานี้ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ได้มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คนเดียวกันเป็นกรรมการร่างขอบเขตงาน (Term of Reference หรือ TOR ) และแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการตรวจรับพัสดุในคราวเดียว กันด้วย การแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คนเดียวกันทำหน้าที่เกี่ยวกับพัสดุทุกขั้นตอนในลักษณะนี้อาจนำไปสู่การดำเนินการ ทางพัสดุที่ไม่ชอบได้ ให้มีหนังสือกำชับกรมการขนส่งทางบกให้ระมัดระวังการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการเกี่ยวกับการพัสดุในลักษณะดังกล่าวต่อไปด้วย