'ชาดา' เผยลูกเขยลาออกนายกเทศบาลตลุกดู่แล้ว หลังถูกจับคดีขู่ผู้รับเหมา ลั่นพักปฏิบัติหน้าที่เป็นการเอาเปรียบประชาชน แต่ลาออกถือว่าเปิดช่องให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่
สืบเนื่องจากที่เป็นข่าวกรณีการจับผู้กระทำผิด 5 รายประกอบด้วย 1.นายวีระชาติ รัศมี นายกเทศบาลตลุกดู่และลูกเขยนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 2.นายธนภัสสร์ ดุลยาธิการ ตำแหน่งปลัดเทศบาลตลุกดู่ 3.นายกุลธัช สามัคคี ผู้ช่วยนายช่างโยธาเทศบาลตลุกดู่ และประชาชนอีกสองรายได้แก่ 4.นายมานพ ติดติมานพ และ 5.นายยิ่งยง คชาชาญ ด้วยพฤติการณ์การกระทำความผิดเรียกรับเงินและมีส่วนในการข่มขู่บริษัทผู้รับเหมาให้ถอนตัวจากโครงการก่อสร้างระบบท่อน้ำประปาในพื้นที่ ต.ตะลุกดู่ และ ต.หาดทะนง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าในช่วงเที่ยง นายชาดาได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่าเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น ในฐานะที่เป็น รมช.กระทรวงมหาดไทยก็ต้องเก็บกวาดบ้านตัวเองก่อน ซึ่งหลังจากเกิดเรื่อง ก็ได้มีการโทรหาผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี ถามว่าแบบนี้สั่งพักปฏิบัติหน้าที่เลยได้หรือไม่ เพราะมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นกับที่อื่น อาทิ ที่ตำบลบางแก้ว จ.สมุทรปราการ
"ทางผู้ใหญ่หลายคนเขาก็โทรมาหาผม ผมก็โทรหารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่าให้พักการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งทางผู้ว่าฯก็กำลังดูกฎหมายแต่ยังไงก็ต้องพักการปฎิบัติหน้าที่" นายชาดากล่าว และกล่าวต่อว่า"แต่ฟังให้ดีๆ การพักปฏิบัติหน้าที่ของทุกแห่งในองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) คือเอารองนายกของทีมนั้นขึ้นมารักษาการแทน ท้องถิ่นแห่งนั้นก็อยู่แบบซังกะตายจนกว่าจะครบวาระ ถ้าผู้บริหารสามารถกลับเข้ามาในช่วงสมัยได้ คดีหลุดก็มาเป็นต่อ แต่บางคนก็สู้คดีจนหมดวาระ"
นายชาดากล่าวว่าส่วนกรณีนายวีระชาติ เมื่อวานก็ได้โทรมาหา มาขอโทษ ก็บอกเขาไปว่าสิ่งที่ต้องทำคือต้องลาออกจากการเป็นนายกเทศบาลเพื่อให้จังหวัดจัดการเลือกตั้ง ถ้าไม่ทำแบบนี้ การให้รอพักการปฏิบัติหน้าที่ถือว่าเป็นการเอาเปรียบและปล่อยทิ้งประชาชนในตำบลตลุ่มดู่ แต่ถ้าลาออกก็จะมีการจัดการเลือกตั้งใหม่ นี่คือมาตรฐานของการเมืองไทยในระดับท้องถิ่น
"นายวีระชาติ รัศมี ลาออกเมื่อเวลาประมาณ 5 ทุ่ม ผมก็โอเค คุณลาออกแล้ว คุณต้องทำ แล้วให้ประชาชนไปเลือกตั้งต่อ ไม่ใช่บอกว่าคดียังไม่สิ้นสุด คนที่ไปจับกุมเขาเสียความรู้สึกว่าจับมาวันนี้ พรุ่งนี้กลับไปเป็นนายกฯต่อ" นายชาดากล่าว
รมช.มหาดไทยกล่าวต่อว่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการตำรวจป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.)ก็เคยโทรมาหาบอกว่ามันต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ในคดีอื่นๆ เราก็เห็นด้วย ดังนั้นคดีนี้เราจึงมองว่าการพักปฏิบัติหน้าที่ถือว่าเป็นการเอาเปรียบ