ป.ป.ช.เผยแพร่มติชี้มูลความผิด 'คงวุฒิ ไพบูลย์ศิลป' อดีตผู้อำนวยโรงเรียนวัดสุทธิวราราม-พวก นำเงินบริจาคผู้ปกครองรับนักเรียนไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว -เบิกจ่ายเงินบริจาคกองทุนโดยมิชอบ โดนอาญาแค่หนึ่งกรณีผิดม. 151,157 พ่วงวินัยอย่างร้ายแรง ส่งเรื่องอสส.ฟ้องร้องดำเนินคดีตามขั้นตอนทางกฎหมาย ชดใช้ค่าเสียหายด้วย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ต.ค.2566 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่าที่ประชุม คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลคดีกล่าวหา นายคงวุฒิ ไพบูลย์ศิลป เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนวัดสุทธิวราราม และนางลัดดาวรรณ โควาเจริญธรรม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการโรงเรียนวัดสุทธิวราราม กับพวก กรณีนำเงินบริจาคจากผู้ปกครองในการรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2551 ไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว และเบิกจ่ายเงินบริจาคจากกองทุนต่าง ๆ ของโรงเรียนวัดสุทธิวรารามโดยมิชอบ
โดยนายคงวุฒิ ไพบูลย์ศิลป และนางลัดดาวรรณ โควาเจริญธรรม ถูกชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 และมาตรา 157 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง จากกรณีเบิกถอนเงินจากบัญชีกองทุนพัฒนา 2546 ของโรงเรียนวัดสุทธิวราราม จำนวน 500,000 บาท เพื่อใช้ในการจัดงานรับเสด็จพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาโรงเรียนวัดสุทธิวราราม โดยมิชอบ
ส่วนกรณีอื่นๆไม่มีมูลความผิดทางอาญา ให้ข้อกล่าวหาตกไป
สำนักงาน ป.ป.ช. ระบุว่า การสืบสวนคดีต่างๆ เป็นผลสืบเนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวนเพื่อดำเนินการไต่สวน กรณีกล่าวหา นายคงวุฒิ ไพบูลย์ศิลป เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนวัดสุทธิวราราม และนางลัดดาวรรณ โควาเจริญธรรม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการโรงเรียนวัดสุทธิวราราม กับพวก กรณีนำเงินบริจาคจากผู้ปกครองในการรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2551 ไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว และเบิกจ่ายเงินบริจาคจากกองทุนต่าง ๆ ของโรงเรียนวัดสุทธิวรารามโดยมิชอบ
1. กรณีนำเงินบริจาคที่ได้จากผู้ปกครองนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2551 ไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า ในปีการศึกษา 2551 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ได้ดำเนินการรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ประจำปีการศึกษา 2551 โดยการสอบคัดเลือก หลังจากที่มีประกาศรายชื่อนักเรียนที่ผ่านการสอบคัดเลือกเข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 แล้ว ปรากฏว่ามีผู้ปกครองของนักเรียนที่สอบไม่ผ่านการคัดเลือกแต่ประสงค์ที่จะให้บุตรหลานเข้าศึกษาที่โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ได้ติดต่อผ่านคณะครูและสมาคมผู้ปกครองโดยแสดงความประสงค์ขอบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนการเรียนการสอนของโรงเรียนวัดสุทธิวราราม ซึ่งในปีการศึกษาที่ผ่านๆ มาจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการรับเด็กนักเรียนที่สอบไม่ผ่าน เพิ่มเติม โดยมีฝ่ายบริหารของโรงเรียน ตัวแทนครู คณะกรรมการสถานศึกษา ตัวแทนจากสมาคมผู้ปกครองและครู ตัวแทนจากผู้ปกครองเครือข่าย เพื่อพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการรับนักเรียนที่มีเงื่อนไขพิเศษตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เรื่อง นโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีการศึกษา 2551 ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2550 ซึ่งในระหว่างการคัดเลือกนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2551 นายคงวุฒิ ไพบูลย์ศิลป ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดสุทธิวราราม ล้มป่วยและเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลและที่บ้านพัก จึงมอบหมายนางลัดดาวรรณ โควาเจริญธรรม รองผู้อำนวยการโรงเรียนวัดสุทธิวราราม ให้เป็นผู้รับผิดชอบการรับนักเรียนเพิ่มเติม
ต่อมานางลัดดาวรรณ โควาเจริญธรรม ได้รับเงินบริจาคจากผู้ปกครองของนักเรียนที่บริจาคเงินซึ่งเงินบริจาคเข้าสถานศึกษาถือเป็นเงินรายได้สถานศึกษา จะต้องออกใบเสร็จรับเงินตามแบบที่ทางราชการกำหนดให้แก่ผู้ชำระเงินทุกครั้งที่มีการรับเงินโดยเรื่องนี้มีผู้ปกครองของนักเรียนบริจาคเงินให้แก่โรงเรียนเพื่อสนับสนุนการเรียนการสอนคนละประมาณ 30,000 – 50,000 บาท ผ่านสมาคมผู้ปกครองและครู และสมาคมฯ ได้รวบรวมเงินมอบให้แก่นางลัดดาวรรณ โควาเจริญธรรม และบางส่วนเป็นกรณีที่ผู้ปกครองของนักเรียนบริจาค โดยมอบให้แก่นางลัดดาวรรณ โควาเจริญธรรม โดยตรง โดยไม่มีการออกใบเสร็จรับเงิน ต่อมาในวันที่ 2 กรกฎาคม 2551 และวันที่ 15 กรกฎาคม 2551 นางลัดดาวรรณ โควาเจริญธรรม ได้นำเงินที่ได้จากการรับบริจาค จำนวน 1,068,500 บาท และจำนวน 100,000 บาท รวมเป็น 1,168,500 บาท ส่งมอบให้เจ้าหน้าที่การเงินที่รับผิดชอบ ซึ่งเจ้าหน้าที่การเงินมีความสงสัยว่ายอดเงินบริจาคที่ส่งมอบมีจำนวนน้อยกว่าปีการศึกษาก่อนๆ เป็นจำนวนมาก ภายหลังจากที่มีผู้สอบถามเรื่องจำนวนเงินที่ได้รับบริจาคทั้งหมดดังกล่าว นางลัดดาวรรณ โควาเจริญธรรม จึงได้นำเงินบริจาคส่งมอบให้แก่โรงเรียนวัดสุทธิวรารามอีกจำนวน 1,200,000 บาท
2. การเบิกจ่ายเงินบริจาคจากบัญชีกองทุนต่าง ๆ ของโรงเรียนวัดสุทธิวราราม โดยมิชอบ 3 กรณี ดังนี้
กรณีที่ 1 เบิกถอนเงินจากบัญชีกองทุนหลวงพ่อสุทธิมงคลชัยของโรงเรียนวัดสุทธิวรารามจำนวน 1,493,550 บาท เพื่อจ่ายเป็นค่าทาสีอาคารของโรงเรียนวัดสุทธิวราราม โดยนายคงวุฒิ ไพบูลย์ศิลปได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่เบิกเงินจากกองทุนหลวงพ่อสุทธิมงคลชัย เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2551 ให้นางลัดดาวรรณ โควาเจริญธรรม นำไปจ่ายเป็นค่าทาสีอาคารเรียน อันเป็นการเบิกจ่ายผิดวัตถุประสงค์ของกองทุน
กรณีที่ 2 เบิกถอนเงินจากบัญชีกองทุนพัฒนา 2546 ของโรงเรียนวัดสุทธิวราราม จำนวน 500,000 บาท เพื่อใช้ในการจัดงานรับเสด็จพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จเป็นองค์ประธาน ในการเปิดห้องสมุดเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาโรงเรียนวัดสุทธิวราราม เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2551 โดยมิชอบ โดยนางลัดดาวรรณ โควาเจริญธรรม เสนอให้นายคงวุฒิ ไพบูลย์ศิลป อนุมัติเบิกค่าใช้จ่ายในการรับเสด็จให้แก่นายศุภชัย มณีเลิศสมบัติ หรือนายปถุง มังกรตระกูล และนางพรนิชา แซ่โค้ว จำนวน 500,000 บาท ทั้งที่การดำเนินงานเตรียมความพร้อมในการรับเสด็จ ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ที่โรงเรียนวัดสุทธิวรารามจะต้องจ่ายให้แก่บุคคลดังกล่าว ประกอบกับโรงเรียนวัดสุทธิวราราม ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะครูในโรงเรียน เป็นคณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ ให้มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องงานรับเสด็จแล้ว อีกทั้ง ค่าใช้จ่ายในการเตรียมงานรับเสด็จ สำนักพระราชวังเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด
กรณีที่ 3 อนุมัติให้ดำเนินการจัดหารถบัสโรงเรียน โดยไม่ได้ตรวจสอบว่าเงินงบประมาณของโรงเรียนวัดสุทธิวรารามไม่เพียงพอ ทำให้โรงเรียนวัดสุทธิวรารามมีภาระผูกพันค้างชำระค่ารถ โดยนางลัดดาวรรณ โควาเจริญธรรม ได้เสนอนายคงวุฒิ ไพบูลย์ศิลป อนุมัติเบิกเงินจากโครงการหลักสูตรเพชรสุทธิของโรงเรียนวัดสุทธิวราราม จำนวน 700,000 บาท เพื่อจ่ายเป็นค่าจัดหารถบัสโรงเรียน อันเป็นการผิดวัตถุประสงค์ของโครงการ แต่เนื่องจากมีการโต้แย้งในเรื่องการตรวจรับรถ จึงยังไม่ได้เบิกจ่ายเงินดังกล่าว
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติดังนี้
การดำเนินการทางอาญาและวินัย
ข้อกล่าวหาที่ 1 กรณีนำเงินบริจาคที่ได้รับจากผู้ปกครองนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2551 ไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว
1. การกระทำของนายคงวุฒิ ไพบูลย์ศิลป ไม่มีมูลความผิดทางอาญา ให้ข้อกล่าวหาตกไป
2. การกระทำของนางลัดดาวรรณ โควาเจริญธรรม มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และมาตรา 157 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง สำหรับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ได้ขาดอายุความแล้ว สิทธิการดำเนินคดีอาญาย่อมระงับ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (6) ให้ยุติการดำเนินคดีตามฐานความผิดดังกล่าว
ข้อกล่าวหาที่ 2 การเบิกจ่ายเงินบริจาคจากบัญชีกองทุนต่าง ๆ ของโรงเรียนวัดสุทธิวรารามโดยมิชอบ 3 กรณี ดังนี้
กรณีที่ 1 เบิกถอนเงินจากบัญชีกองทุนหลวงพ่อสุทธิมงคลชัย ของโรงเรียนวัดสุทธิวรารามจำนวน 1,493,550 บาท ไปชำระค่าทาสีอาคารของโรงเรียน การกระทำของนายคงวุฒิ ไพบูลย์ศิลป และนางลัดดาวรรณ โควาเจริญธรรม ไม่มีมูลความผิดทางอาญา แต่มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
กรณีที่ 2 เบิกถอนเงินจากบัญชีกองทุนพัฒนา 2546 ของโรงเรียนวัดสุทธิวราราม จำนวน 500,000 บาท เพื่อใช้ในการจัดงานรับเสด็จพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาโรงเรียนวัดสุทธิวราราม โดยมิชอบ
1. การกระทำของนายคงวุฒิ ไพบูลย์ศิลป และนางลัดดาวรรณ โควาเจริญธรรม มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 และมาตรา 157 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
2. การกระทำของนายศุภชัย มณีเลิศสมบัติ หรือนายปถุง มังกรตระกูล และนางพรนิชา แซ่โค้ว มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 สำหรับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 ได้ขาดอายุความแล้ว สิทธิการดำเนินคดีอาญาย่อมระงับ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (6) ให้ยุติการดำเนินคดีตามฐานความผิดดังกล่าว
กรณีที่ 3 อนุมัติให้ดำเนินการจัดหารถบัสโรงเรียน โดยไม่ตรวจสอบว่าเงินงบประมาณของโรงเรียนวัดสุทธิวรารามเพียงพอต่อการจัดหารถดังกล่าวหรือไม่
การกระทำของนายคงวุฒิ ไพบูลย์ศิลป และนางลัดดาวรรณ โควาเจริญธรรม ไม่มีมูลความผิดทางอาญา แต่มีมูลความผิดทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรง
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจ และส่งรายงาน สํานวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคําวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98 แล้วแต่กรณีต่อไป และให้แจ้งผู้บังคับบัญชาดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 ด้วย
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาตัดสินคดีเป็นทางการ ผู้ถูกกล่าวหาทุกราย จึงยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่