ป.ป.ช.เรียกอดีตผอ.สำนักนิติการ อคส. สอบปมร้องเรียนกรณีคำนวณความเสียหายมันเส้นให้เอกชนต่ำกว่าความเป็นจริง ทำราชการเสียหาย เจ้าตัวแฉผู้บริหาร-จนท. 4 ราย เฟืองจักรสำคัญ สงสัยมีขายข้อมูลให้ผู้ประกอบการอีกกว่า 46 ราย เสี่ยงทำแพ้คดีที่ฟ้องร้องอยู่ ไม่สามารถเรียกความเสียหายรายอื่นได้อีก
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการปัองกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ออกเอกสารเรียกตัวว่าที่ ร.ต.พีรศักดิ์ เตชพิพิธมงคล นักบริหาร 9 อดีตผู้อำนวยการสำนักนิติการองค์การคลังสินค้า (อคส.) มาให้ปากคำกรณีคํานวณความเสียหายตามสัญญาฝากเก็บรักษามันสําปะหลังเส้น ในโครงการแทรกแซงมันสําปะหลัง ปี 2555/56 กับบริษัทเอกชนรายหนึ่ง ต่ำกว่าความเป็นจริงทําให้ อคส. ได้รับความเสียหาย
ในหนังสือเรียกตัวว่าที่ ร.ต.พีรศักดิ์ เตชพิพิธมงคลระบุว่า ตามที่ท่านเป็นผู้กล่าวหาผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ อคส.ว่ากระทําความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ กรณีคํานวณความเสียหายตามสัญญาฝากเก็บรักษามันสําปะหลังเส้น ในโครงการแทรกแซงมันสําปะหลัง ปี 2555/56 กับบริษัทเอกชนรายนี้ ต่ำกว่าความเป็นจริง ทําให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้รับความเสียหาย
สํานักงาน ป.ป.ช. มีความจําเป็นต้องขอทราบรายละเอียดตามคํากล่าวหาเพิ่มเติม เพื่อนําไปประกอบการพิจารณา ดังนี้
1. ขอทราบว่าท่านประสงค์จะกล่าวหาผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ สังกัดองค์การคลังสินค้า (อคส.) กระทรวงพาณิชย์ กับพวกรวม 4 ราย ว่ากระทําความผิดข้อกล่าวหาใดบ้าง ขอทราบพฤติการณ์ การกระทําความผิด พร้อมทั้งระบุวันเวลา สถานที่เกิดเหตุ และท่านมีพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหา ดังกล่าวเพิ่มเติมอีกหรือไม่ อย่างไร
2. ท่านเคยกล่าวหาเรื่องนี้ไปยังหน่วยงานอื่นด้วยหรือไม่ หากเคย ขอทราบผล การดําเนินการว่าเป็นประการใด
3. ในกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. รับเรื่องไว้ไต่สวนข้อเท็จจริง ท่านจะยินยอมให้เปิดเผยชื่อ หรือขอให้ปกปิดชื่อ
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ได้ติดต่อไปยัง ว่าที่ ร.ต.พีรศักดิ์ เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
ว่าที่ ร.ต.พีรศักดิ์กล่าวว่า กรณีนี้เป็นเรื่องสืบเนืองจากที่ได้พบเจอพยานหลักฐานว่ามีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือมีข้อสงสัยว่าจะมีการทุจริตเกิดขึ้น
“ผมได้รวบรวมพยานหลักฐานในทางลับ แล้วก็ร้องเรียนไปยังนายกรัฐมนตรี ซึ่งตอนนั้นคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้องเรียนไปยัง ป.ป.ช.โดยตรง ร้องเรียนไปยังผู้ตรวจการแผ่นดิน ในกรณีการอนุมัติค่าเสียหายของบริษัท” ว่าที่ ร.ต.พีรศักดิ์กล่าว
ว่าที่ ร.ต.พีรศักดิ์กล่าวต่อว่า มีการร้องเรียนไปถึงพฤติการณ์ของผู้บริหาร อคส.จำนวน 4 คน มีทั้งผู้บริหารระดับสูงและระดับปฏิบัติอีกสองราย สาเหตุที่ ป.ป.ช.ทำหนังสือมาหาก็เพื่อจะให้ไปยืนยันว่าจะกล่าวหาเจ้าหน้าที่ 4 รายนี้ หรือว่ามีรายอื่นอีก และจะมีข้อเท็จจริงอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่ แต่ส่วนตัวคิดว่าหนังสือร้องเรียนที่มอบไปนั้นได้ระบุรายละเอียดครบถ้วนแล้ว
“4 คนนี้เป็นเฟืองจักรในการอนุมัติทำให้เอกชนได้ไปซึ่งสิทธิประโยชน์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย” ว่าที่ ร.ต.พีรศักดิ์กล่าว
เมื่อถามว่าจากเอกสารร้องเรียน ยังไม่ขยายผลไปที่เอกชนใช่หรือไม่ ว่าที่ ร.ต.พีรศักดิ์กล่าวว่า ยังไม่ขยายผลเพราะว่าหลักฐานค่อนข้างอ่อน ไม่ได้อยู่ในมือตน แต่พอทราบว่าใครมีหลักฐานนี้อยู่ ก็คงจะชี้แจงไปยัง ป.ป.ช.ต่อไป
เมื่อถามต่อว่าความคืบหน้าหน่วยงานอื่นๆนอกเหนือจาก ป.ป.ช.เป็นอย่างไรบ้าง ว่าที่ ร.ต.พีรศักดิ์ กล่าวว่า "ก็ตามที่เรียนว่าได้ไปร้องที่ผู้ตรวจการแผ่นดินแล้ว เพื่อให้ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ตรวจสอบว่ามีความเป็นไปได้ว่าจะมีการทุจริตหรือไม่ แล้วผู้ตรวจการแผ่นดินก็จะส่งเรื่องมายัง ป.ป.ช.ต่อไป ซึ่งการที่ผู้ตรวจการแผ่นดินที่เป็นหน่วยงานอิสระส่งเรื่องมายัง ป.ป.ช. ก็จะทำให้มีโอกาสที่ ป.ป.ช.จะดำเนินการไต่สวนได้ง่ายขึ้น"
“ส่วนของผมที่กำลังจะขยายผลไปที่ ป.ป.ช. ก็คือว่า คดีนี้มันกำลังจะมีการเอาข้อมูลของการอนุมัติค่าเสียหายให้กับบริษัทไปขายให้กับผู้ประกอบการอีกกว่า 46 รายในสำนวนที่ อคส.ฟ้องอยู่ ถ้าหากกลุ่มนี้เอาไปใช้ อคส.ก็จะแพ้คดี ส่งผลทำให้เกิดการชดใช้ค่าเสียหาย และจะเป็นผลเสียต่อรัฐบาลที่ใช้งบแผ่นดินใช้ในโครงการแทรกแซงราคาตลาดมันสำปะหลังได้ หรือก็คือ อคส.จะทำให้คดีมันพังและไม่สามารถไปเรียกความเสียหายกับใครได้” ว่าที่ ร.ต.พีรศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย