ป.ป.ช.เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา 'วิเชียร สุทธิวิลัย' อดีตนายก อบต.โตนด สุโขทัย เรียกรับเงินอ้างช่วยเหลือบรรจุเข้าทำงานได้ ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 พิพากษาลงโทษ จำคุก 2 ปี 6 เดือน หลังรับสารภาพ นับโทษต่อคดีเก่าด้วย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายวิเชียร สุทธิวิลัย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) โตนด อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย เรียกรับเงินโดยอ้างว่าสามารถดำเนินการช่วยเหลือให้เข้าทำงานเป็นพนักงานส่วนตำบลขององค์การบริหารส่วนตำบลได้ ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 , 157 พ.ร.ป. ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 103 ประกอบมาตรา 122 และมาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตาม พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 มาตรา 128 ประกอบมาตรา 169 และมาตรา 172 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 ก.ย.2564
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 20 เม.ย.2566 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 มีคำพิพากษา ว่า นายวิเชียร สุทธิวิลัย จำเลยมีความผิดตามมาตรา 149 (เดิม), 157 (เดิม) พ.ร.ป. ป.ป.ช.พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้น จะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด
จำคุก 5 ปี
จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน กับให้นับโทษจำคุกจำเลย ในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อท 58/2565 คดีหมายเลขดำที่ อท 126/2565 และคดีหมายเลขดำที่ อท 198/2564 ของศาลนี้
ทั้งนี้ คดียังไม่สิ้นสุด จำเลย มีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 25 ก.ค.2566 ได้พิจารณาแล้วมีมติเห็นพ้องด้วยในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือประหารชีวิต
มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ