‘เศรษฐา’ นำประชุมครม.ครั้งแรกของรัฐบาล สื่อรุมถามหลายเรื่อง เน้นย้ำโยกย้ายข้าราชการต้องเป็นธรรม นัดประชุมครม.ครั้งต่อไป 13 ก.ย. 66 มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรเข้าแน่ ยืนยันนั่งประธาน ก.ตร.เอง ยังไม่เคาะผบ.ตร.คนใหม่ ขอเวลาทำงาน 3-6 เดือน พิสูจน์ตัวเองว่ามีอิสระจากตระกูลชินวัตรหรือไม่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 6 กันยายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลเมื่อเวลา 07.38 น. ก่อนที่เวลา 08.01 น. นายกรัฐมนตรี ได้นำสักการะพระพรหมบนตึกไทยคู่ฟ้า พร้อมถวายพวงมาลัยดอกดาวเรืองสีเหลืองเพื่อเป็นสิริมงคล และได้หันมาดูทิวทัศน์บริเวณโดยรอบของทำเนียบฯ พร้อมโบกมือทักทายสื่อมวลชนและช่างภาพที่รออยู่ด้านล่าง จากนั้นนายกฯ ได้เข้าไปนั่งที่ห้องทำงานเป็นพิธี เอาฤกษ์เอาชัย ก่อนที่จะลงมาสักการะพระภูมิเจ้าที่ ศาลตาศาลยาย
ภายหลังสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐาเปิดเผยว่า สบายใจ ได้ขอพรให้คุ้มครองปกป้องบ้านเมืองในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นภัยเศรษฐกิจ ภัยสังคม ภัยของความแตกแยก เมื่อถามว่า มีการเตรียมนโยบายไว้เรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า เรียบร้อยแล้ว จากนั้นนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม ครม.นัดพิเศษ
@กำชับ โยกย้ายข้าราชการต้องคิดรอบคอบ
ทั้งนี้ การประชุมครม.นัดพิเศษเสร็จสิ้นในเวลาประมาณ 09.47 น. โดยมีรายงานว่า ในที่ประชุม ครม.นัดพิเศษ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า พวกเรา ในฐานะคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะเป็นรัฐบาลของประชาชน จะทำงานเพื่อประชาชน ที่ปฏิบัติตัวเคร่งครัดตามรัฐธรรม และตามกฎหมาย มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำ และปัญหาสังคม รวมถึงปัญหาความแตกแยกทางด้านความคิดทั้งหลาย
โดยรัฐบาลจะพยายามทำงานแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ อะไรที่ทำได้ก่อนโดยไม่ติดข้อกฎหมาย ขอให้ทุกท่านรีบทำ รีบสร้างผลงานออกมา เพราะว่าพี่น้องประชาชนทุกคนกำลังเดือดร้อน กำลังรอคอยการทำงานของรัฐบาล เมื่อทุกท่านเข้ากระทรวงแล้วขอเก็บรวบรวมข้อมูลมาประกอบการทำงาน พร้อมกับเน้นย้ำเรื่องการโปร่งใสในการทำงาน โดยเฉพาะเรื่องการโยกย้ายข้าราชการซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ ขอให้เข้าใจเห็นใจข้าราชการที่ตั้งใจทำงานมาตลอดทั้งชีวิต ต้องการความก้าวหน้าทางด้านการงาน เรื่องซื้อขายตำแหน่งไม่ต้องการให้เอาเปรียบข้าราชการ ขอให้ทุกท่านให้เกียรติข้าราชการ ส่วนการจัดเตรียมงบประมาณประจำปี ขอให้คณะรัฐมนตรีช่วยไปดูกระทรวงในกำกับว่าจะสามารถทำอะไรได้บ้างให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่จะมีการแถลงนโยบายฯ
ช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวย้ำ ขอให้คณะรัฐมนตรีตระหนักว่าเป็นรัฐบาลเพื่อประชาชน ขอให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อย่าให้มีการแบ่งแยกพรรรคพวก เป็นรัฐบาลที่ทำงานเพื่อประชาชนจริงๆ
@ย้ำข้าราชการสำคัญ โยกย้ายต้องเป็นธรรม
ทั้งนี้ หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ นายเศรษฐาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า เป็นการรับฟังความคิดเห็นกัน ยังไม่มีการสั่งงานใดๆทั้งสิ้น มีการให้แนวทางในการทำงานที่ได้บอกไปแล้วว่า เป็นรัฐบาลของประชาชน ยึดกฎหมายเป็นหลัก และต้องดูการจัดสรรงบประมาณให้เหมาะสม ให้เกียรติข้าราชการ
เมื่อถามว่า ทำไมในที่ประชุมครม. ถึงมีความเป็นห่วงในการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการ นายเศรษฐาตอบว่า เนื่องจากเป็นฤดูกาลโยกย้ายข้าราชการพอดี ประกอบกับการแต่งตั้งข้าราชการเกิดขึ้นตลอดเวลา จึงอยากย้ำว่า ข้าราชการเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ ส่วนใหญ่ทำงานกันมาตลอดชีวิต ก็ต้องการความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน การปูนบำเหน็จก็ต้องเป็นธรรม ดุผลงานไม่ใช่การซื้อขายตำแหน่ง โดยจะพยายามไม่ให้การซื้อขายตำแหน่งเกิดขึ้น ก็ขอให้รัฐมนตรีทุกคนให้ความสำคัญ เพราะนโยบายต่างๆ ก็ต้องมีข้าราชการเป็นตัวขับเคลื่อน
ผู้สื่อข่าวถามถึงนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทที่ไม่ได้อยู่ในคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา นายเศรษฐาตอบว่า ในคำแถลงนโยบายจะเน้นภาพกว้างก่อน โดยนโยบายด้านขนส่งจะมีทั้งทางน้ำ บก ราง และอากาศ ในเรื่องนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท จะต้องดูการเชื่อมต่อ ซึ่งมีแนวคิดจะให้บัตร 1 ใบเขื่อมต่อกันได้ทั้งหมด แต่ต้องดูค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมควรจะอยู่ที่เท่าไหร่? รัฐบาลต้องชดเชยจากงบประมาณเท่าไหร่? ก็ขอเวลานิดหนึ่งแต่ยืนยันว่า จะดูแลทันที ส่วนจะใช้เวลากี่ปี ขอเวลาทำงานก่อน
ส่วนการแถลงนโยบายในวันที่ 11 ก.ย.นี้ หากถูกอภิปรายจาก สส.และสว. หากกระทรวงใดถูกพาดพิงและผู้อภิปรายต้องการรายละเอียดในเชิงลึก ก็จะเป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีในแต่ละกระทรวงเป็นผู้ให้ข้อมูล ซึ่งได้บอกกล่าวกันในที่ประชุม ครม.ไปแล้ว
@แย้ม 13 ก.ย. ครม.ถกมาตรการช่วยเกษตรกร
เมื่อถามถึงการแก้ไขปัญหาด้านการเกษตร โดยเฉพาะการเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร ซึ่งกำลังเจอปัญหาเอลนินโญกระทบผลผลิตทางการเกษตร นายเศรษฐาตอบว่า เป็นเรื่องที่รัฐบาลตระหนักดี เวลามีพรรคร่วมรัฐบาล ทุกคนเห็นด้วยที่จะให้ความสำคัญกับภาคเกษตร และการเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรต้องส่งออก เพื่อขยายตลาดและรายได้ แต่สิ่งที่ต้องคิดตามคำถามที่ผู้สื่อข่าวถามมาก็คือ จะส่งออกอะไรไปให้หากคนในประเทศยังไม่มีกินจากปรากฎการณ์เอลนินโญที่กระทบผลผลิต ด้านหนึ่งรัฐบาลจะลดค่าใช้จ่ายทั้งเรื่องปุ๋ยและยาฆ่าแมลงด้วย โดยในวันที่ 13 ก.ย.นี้ การประชุมครม.จะมีมาตรการเกี่ยวกับการรับมือปรากฎการณ์เอลนินโญ
@นั่งประธาน กต.ร.เอง ยังไม่ฟันธงใครคือ ผบ.ตร.คนใหม่
ผู้สื่อถามถึงการจัดตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) นายเศรษฐาจะเข้าไปดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เองหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าตอนนี้มีการเบรกไม่ตั้ง ผบ.ตร.หรือไม่ แต่ยืนยันว่า จะนั่งประธาน ก.ตร.เอง กำลังหาวันที่เหมาะสมในการประชุม ก.ตร.อยู่ ส่วนได้ตัดสินใจเลือก ผบ.ตรงคนใหม่แล้วหรือยัง นายเศรษฐาตอบว่า ยัง ขอให้เป็นหลังการแถลงนโยบายก่อน ซึ่งไม่ได้เฉพาะตำรวจ แต่ทุกส่วนราชการ ยืนยันว่าจะใช้ทั้งหลักการผลงานและความอาวุโสควบคู่กันไป
@ขอ 3-6 เดือน พิสูจน์อิสระจาก ‘ชินวัตร’
ช่วงหนึ่ง ผู้สื่อข่าวถามถึงความอิสระในการบริหารประเทศ เพราะพรรคเพื่อไทยมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลชินวัตรมาโดยตลอด นายเศรษฐาตอบว่า ขอเวลาในการบริหารราชการ 3-6 เดือน แล้วให้สื่อมวลชนมาถามอีกรอบหนึ่ง ส่วนตัวมีอิสระทางความคิด ใครมีข้อมูลดีๆ ไม่ใช่เฉพาะคนในตระกูลชินวัตร ก็พร้อมจะรับฟัง และยืนยันว่า เป็นรัฐบาลประชาชน ใครมีข้อมูลดีๆพร้อมรับฟัง
เมื่อถามอีกว่า ในช่วงปลายเดือน ก.ย.นี้ที่จะเดินทางไปต่างประเทศ จะใช้โอกาสนี้เชิญชวนต่างประเทศสนใจประเทศไทยอย่างไร นายกรัฐมนตรีตอบว่า กระทรวงการต่างประเทศกำลังรวบรวมรายชื่อผู้นำประเทศต่างๆ ที่ต้องเข้าพบ และส่วนตัวก็พยายามเข้าพบนักธุรกิจระดับโลกหลายคนว่า ต้องการลงทุนอะไรในประเทศไทย ตอนนี้ขอเวลานิดหนึ่ง ส่วนจะได้พบกับประธานาธิบดีโจไบเดนแห่งสหรัฐอเมริกาหรือไม่ กำลังนัดหมายอยู่และน่าจะได้พบกัน เพราะในกำหนดการจะมีการเลี้ยงอาหารค่ำอยู่
สุดท้าย นักข่าวถามว่ากดดันหรือไม่ เพราะประชาชนคาดหวังสูง นายเศรษฐาตอบว่า กดดันอยู่แล้ว เพราะปัญหาประชาชนเป็นเรื่องใหญ่ ในเมื่ออาสาเข้ามาแล้วก็ต้องรับเรื่องเหล่านี้ให้ได้ มีความตั้งใจจริง ขอเวลานิดหนึ่ง
อ่านประกอบ