เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา 'มะลูดิง ปะเต๊ะเล๊าะ' อดีตนายก อบต.ธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย สงขลา ทุจริตโครงการปรับปรุงซ่อมแซมถนนลูกรังทั้งตำบล งบ 7.3 ล้าน เบิกจ่ายเงินเต็มจำนวนทั้งที่งานไม่ครบ-รุกล้ำป่าสงวน ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 9 พิพากษา จำคุก 6 ปี รับสารภาพลดเหลือ 3 ปี แต่รอลงอาญา -ปรับ 1.5 หมื่น
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ในระหว่างแถลงผลการดำเนินงานรอบปีงบประมาณ 2566 ของสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดปัตตานี ได้มีการแถลงผลความคืบหน้าคดีกล่าวหา นายมะลูดิง ปะเต๊ะเล๊าะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ทุจริตโครงการปรับปรุงซ่อมแซมถนนลูกรังทั้งตำบล หมู่ที่ 5 ขนาดกว้าง 5 เมตร ยาว 2,000 เมตร งบประมาณ 7,350,000 บาท อนุมัติเบิกจ่ายเงินให้ผู้รับจ้างเต็มจำนวนทั้งที่ทำงานไม่ครบตามสัญญาจ้าง และได้ดำเนินการรุกล้ำเข้าไปในเขตป่าสงวนแห่งชาติและป่าเทือกเขาสันกาลาคีรี เป็นระยะทาง 450 เมตร โดยไม่ได้ขออนุญาตจากกรมป่าไม้ ซึ่งไม่สามารถดำเนินการได้
ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2566 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 9 ได้มีคำพิพากษาลงโทษ นายมะลูดิง ปะเต๊ะเล๊าะ จำคุก 3 ปี และปรับ 15,000 บาท โทษจำคุก ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี
สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดปัตตานี ระบุว่า เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2564 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูล สำนวนการไต่สวนเบื้องต้น กรณีนายมะลูดิง ปะเต๊ะเล๊าะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา คดีทุจริตโครงการปรับปรุงซ่อมแซมถนนลูกรังทั้งตำบล หมู่ที่ 5 ขนาดกว้าง 5 เมตร ยาว 2,000 เมตร งบประมาณ 7,350,000 บาท
พฤติการณ์ในการกระทำความผิด เมื่อปี พ.ศ. 2558 จำเลย ในฐานะนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ธารคีรี ได้อนุมัติเบิกจ่ายเงินให้กับผู้รับจ้างเต็มจำนวน ทั้งที่ ผู้รับจ้างไม่ได้ดำเนินการครบถ้วนตามสัญญาจ้าง และได้ดำเนินการรุกล้ำเข้าไปในเขตป่าสงวนแห่งชาติและป่าเทือกเขาสันกาลาคีรี เป็นระยะทาง 450 เมตร โดยไม่ได้ขออนุญาตจากกรมป่าไม้ ซึ่งไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากไม่ใช่พื้นที่สาธารณะที่จะอยู่ในอำนาจหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลธารคีรี
แต่จำเลยกลับอนุมัติเบิกจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ผู้รับจ้าง
ต่อมาสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดปัตตานี ได้ส่งรายงานและสำนวนการไต่สวนไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ซึ่งต่อมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 9 ได้มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2566 โดยพิพากษาว่าจำเลยมีความตามฟ้อง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90, 151, 157 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 65 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172, 192
ให้จำคุก 6 ปี และปรับ 30,000 บาท
จำเลยให้การ รับสารภาพ ลดโทษให้ คงจำคุก 3 ปี และปรับ 15,000 บาท โทษจำคุก ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี
ทั้งนี้ คดียังไม่สิ้นสุด จำเลย มีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
อ่านประกอบ :