NGO สหรัฐฯออกโรงเตือน ให้ระวังตอนเดินทางมาเที่ยวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังมีเหตุนักท่องเที่ยวไต้หวันถูกอาชญากรไซเบอร์ลักพาตัวจากเชียงใหม่ไปโผล่ภูมิภาคโกก้างที่เมียนมา ก่อนถูกบังคับให้ทำงานฉ้อโกงออนไลน์ เจ้าตัวเตือนอย่าเดินทางไปไทยคนเดียว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวการลักพาตัวนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทย แล้วถูกลักพาตัวไปประเทศเมียนมาว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา องค์กรต่อต้านการหลอกลวงระดับโลก หรือ GASO ซึ่งจดทะเบียนในสหรัฐอเมริกา ได้ออกคำเตือนเมื่ออยู่ในประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งคำเตือนนี้เกิดขึ้นหลังจากที่นักท่องเที่ยวชาวไต้หวันถูกวางยาและถูกลักพาตัวไปโดยกลุ่มอาชญากรไซเบอร์
GASO รายงานต่อไปว่าชาวไต้หวันวัย 20 ปีคนนี้ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงจากการพลัดตกตึกในขณะที่กำลังหลบหนีจากผู้ที่ลักพาตัวเขา
โดยในบันทึกวิดีโอของ GASO ชายชาวไต้หวันคนนี้กล่าวว่าในระหว่างที่เขากำลังเดินทางคนเดียวอยู่ใน จ.เชียงใหม่ ประเทศไทย เขาได้ไปที่บาร์ แต่ว่าจำไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ซึ่งตัวเขาเชื่อว่าต้องมีใครสักคนวางยาเครื่องดื่มของเขาอย่างแน่นอน
ชายชาวไต้หวันกล่าวอีกว่าเมื่อเขาตื่นมาอีกทีหนึ่ง เขาพบว่าตัวเองอยู่บนรถยนต์ ที่กำลังมุ่งหน้าไปยัง ภูมิภาคโกก้าง ในรัฐฉานของเมียนมา ซึ่งการเดินทางจะต้องข้ามพรมแดนผ่าน จ.เชียงใหม่ โดยภูมิภาคโกก้างดังกล่าวนี้ติดกับพรมแดนมณฑลยูนนาน ประเทศจีน
โดยบุคคลที่พาตัวเขาไปนั้นพบว่าสวมเครื่องแบบทหารและพกอาวุธปืน และหลังจากนั้นเขาก็ถูกพาตัวต่อไปยังพาตัวไปค่ายกักกันที่มีการคุ้มกันโดยยามติดอาวุธ และผู้ที่ควบคุมตัวเขาก็คือกลุ่มอาชญากรทางไซเบอร์
เป็นระยะเวลากว่าหนึ่งเดือน ที่ชายชาวไต้หวันได้ถูกควบคุมตัว เขาถูกฝึกให้ทำการฉ้อโกงด้านการลงทุน ถูกสอนให้พูดเหมือนนักธุรกิจ เพื่อหลอกล่อผู้อื่นด้วยคำสัญญาว่าจะสามารถหาเงินได้
ชายชาวไต้หวันกล่าวต่อไปว่าผู้ถูกคุมขังหลายคนมีโอกาสหลบหนี เมื่อหัวหน้างานของพวกเขาออกไปข้างนอก โดยในวันหนึ่ง พวกเขา (ผู้ถูกคุมขัง) ได้เปิดท่อระบายอากาศ หลังจากนั้นก็นำเอาผ้าปูที่นอนผูกเข้าไว้ด้วยกันเพื่อทำเป็นเชือก และโยนออกไปนอกหน้าต่าง จากชั้นเจ็ด
ชายชาวไต้หวันกล่าวว่าเขาได้เป็นคนแรกที่หนีออกไปก่อนแต่ว่าเขาไม่สามารถจับเชือกไว้ได้อย่างมั่นคง จึงตกลงสู่พื้นที่ชั้นห้า แต่ว่าผู้ถูกคุมขังที่เหลือสามารถหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย จึงได้พาเขาออกจากพื้นที่คุมขังและพาตัวไปรักษา
ปรากฏว่าชาวไต้หวันคนนี้ขาหักทั้งสองข้างและกระดูกสันหลังหักในหลายๆจุด รวมไปถึงมีอาการบาดเจ็บอื่นๆ
ต่อมาพออยู่ที่โรงพยาบาล ชาวไต้หวันได้จ่ายเงินสินบนให้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในโรงพยาบาลเพื่อจะขอให้ช่วยโทรหาแม่ของเขาที่ไต้หวัน และหลังจากนั้นแม่ของเขาก็ติดต่อไปยัง GASO อีกทีหนึ่ง
ทางสื่อท้องถิ่นได้มีการรายงานข่าวในเรื่องนี้ และไม่นานก็มีนักธุรกิจไต้หวันในเมืองมาได้ให้การช่วยเหลือเขา
ชายชาวไต้หวันกล่าวว่าเขาต้องจ่ายเงินกว่า 3 แสนดอลลาร์ไต้หวัน (9,560,700 บาท) เพื่อที่จะกลับบ้าน และจ่ายค่ารักษาพยาบาลอีก 2 แสนดอลลาร์ไต้หวัน (6,374,400 บาท) และยังกล่าวต่อไปด้วยว่าสำหรับเหยื่อที่ถูกลักพาตัวจากกลุ่มอาชญากรไซเบอร์คนอื่นๆนั้น พวกเขาต้องทำงานตามคำสั่ง หรือถูกขายในราคา 3 แสน-5 แสนดอลลาร์ไต้หวัน (9,560,700 -15,936,000 บาท) ให้กับแก๊งอาชญากรอื่นๆที่อาจจะเรียกค่าไถ่ต่อไป หรือไม่ก็ทำการค้าอวัยวะ
“ผมไม่ได้ถูกทุบตีเพราะผมร่วมมือกับพวกเขาและทําในสิ่งที่พวกเขาบอก” ชาวไต้หวันกล่าวและกล่าวต่อไปว่า “อย่าได้เดินทางไปที่ประเทศไทยคนเดียว คุณต้องไปกับเพื่อนด้วย”
ทางด้านของ GASO และหน่วยงานนานาชาติอื่นๆได้เคยรายงานไปแล้วว่าทั้งที่กรุงพนมเปญของกัมพูชา และภูมิภาคโกก้าง,ภูมิภาคเมียวดีในเมียนมา พื้นที่เหล่านี้เป็นศูนย์กลางของกลุ่มอาชญากรไซเบอร์ซึ่งมีผู้ดำเนินงานเป็นแก๊งอาชญากรชาวจีนอีกทีหนึ่ง
โดยโฆษกของ GASO ที่มีนามสกุลว่าเฉิน กล่าวว่าแก๊งอาชญากรไซเบอร์นี้ได้มีการย้ายฐานปฏิบัติการจากกัมพูชาไปเมียวดี และต่อมาก็ไปโกก้าง และภูมิภาคอื่นๆที่อยู่ใกล้กับทางตอนเหนือของไทยและเมียนมา ซึ่งพื้นที่เหล่านี้เป็นที่ๆกลุ่มอาชญากรมีกฎหมายเป็นของตัวเอง
เรียบเรียงจาก:https://www.taipeitimes.com/News/taiwan/archives/2023/08/14/2003804716