'พิธา' แจงเนื้อหา MOU ต้องการเน้นแก้ปัญหาทุจริต เพิ่มค่า CPI ให้ดีขึ้น พรรคร่วมต้องดูแลบุคลากรของตัวเองไม่ให้ทุจริต ส่วนกรณี UN แฉเอกชนไทยส่งอาวุธให้กองทัพเมียนมาให้ทีมงานไปตรวจสอบรายงานแล้ว แจงปมมาตรา 112 ต้องผ่านกลไกรัฐสภา ส่วนเรื่องปัญหากัญชา ต้องทำให้มีสภาพบังคับชัดเจน ยันไม่กังวลกกต.เดินเรื่องถือหุ้นสื่อ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าที่โรงแรมคอนราด กลุ่มพรรคการเมืองร่วมจัดตั้งรัฐบาล 313 เสียง ที่แสดงจุดยืนหนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี จะร่วมกันแถลงข่าวการทำบันทึกข้อตกลงการจัดตั้งรัฐบาลผสม หรือ MOUรัฐบาลพิธา 1 ที่มีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ ซึ่งนอกเหนือจากนายพิธาแล้วก็มีตัวแทนจากพรรคอื่นๆได้แก่นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย, นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ, พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย, นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม, นายเชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ หัวหน้าพรรคพลังสังคมใหม่ และนายวสวรรธน์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทรวมพลังเข้าร่วมในการเซ็น MOU
โดยบรรยากาศในการแถลงข่าวนั้นนายพิธา ได้กล่าวว่าในวันนี้ถือเป็นความสำคัญเพราะวันครบรอบรัฐประหารปี 2557 ถือว่าเป็นหมุดหมายที่ดี สะท้อนความสำเร็จของสังคมไทยในการที่จะสามารถเปลี่ยนผ่านไปยังระบบรัฐสภาอย่างสันติ ซึ่งจุดประสงค์ในการทำ MOU ในครั้งนี้ก็เป็นการรวบรวมวาระที่เห็นตรงกันว่าจะผ่านกลไกของรัฐสภาและเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของพรรครัฐบาล
นายพิธากล่าวว่าเนื้อหาของ MOU นั้นจะมีสาระสำคัญคือบันทึกความเข้าใจว่าจะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง โดยทุกพรรคเห็นร่วมกันว่าการจะผลักดันMOU จะต้องไม่กระทบต่อหลักการการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ไม่กระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งจะต้องเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะล่วงละเมิดไม่ได้ ซึ่งกรณีการเขียน MOU ในลักษณะนี้ก็เชื่อว่าจะทำให้ทุกฝ่ายได้ให้การยอมรับมากขึ้น (อ่านประกอบ:ฉบับเต็ม! MOU '8 พรรคจัดตั้งรัฐบาลก้าวไกล' เชิดชูพระมหากษัตริย์-ทำงานซื่อสัตย์สุจริต)
โดยหลังจากการเซ็น MOU นายพิธาได้เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวได้ถามคำถามที่สงสัย ซึ่งผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรายังได้สอบถามนายพิธาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นที่สงสัยใน MOU ในกรณีว่าถ้าหากมีนักการเมืองในขั้วของพรรคร่วมรัฐบาลนั้นทุจริตแล้วจะต้องออกจากตำแหน่งทางการเมือง คำว่าทุจริตหมายความว่าในระดับใดนับตั้งแต่การถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) ชี้มูล ไปจนถึงถูกศาลมีคำพิพากษาแล้ว นายพิธากล่าวว่าคิดว่าต้องเอามาตรฐานสูงสุดที่เป็นไปได้ เพื่อให้ความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือไม่ว่าจะของรัฐบาล หรือประเทศ เพราะ 9 ปีที่ผ่านมา ดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชัน (CPI) ในรอบ 9 ปีลดลงต่อเนื่องเพราะฉะนั้น จากการพูดคุยกับหัวหน้าพรรคการเมืองทั้ง 8 พรรค ต้องคอยดูบุคลากรของแต่ละพรรคให้เต็มที่
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรายังได้ถามต่อเกี่ยวกับกรณีที่สหประชาชาติหรือยูเอ็นออกรายงานว่ามีบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทยพบว่าส่งชิ้นส่วนอาวุธ ยุทธภัณฑ์ไปยังประเทศเมียนมา นายพิธากล่าวว่า จากรายงานของนายทอม แอนดรูว์ ผู้รายงานพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนในเมียนมาขององค์การสหประชาชาติ (UN) เผยแพร่รายงานหัวข้อ ‘การค้าความตายพันล้านดอลลาร์: เครือข่ายอาวุธระหว่างประเทศ ที่เปิดโอกาสให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเมียนมา’แล้วพบว่า โดยพบเป็นอาวุธจากประเทศไทย 28 ล้านดอลลาร์ (964,964,000 บาท) นั้น ตอนนี้ให้ทีมต่างประเทศของพรรค นำโดยนายฟูอาดี้ พิศสุวรรณ ค้นหาข้อมูลจากรายงานฉบับดังกล่าวเพิ่มเติม เพราะการขนส่งอาวุธเข้าไป จะต้องเพิ่มแรงกดดันและแรงจูงใจ ให้ทุกฝ่ายกลับสู่โต๊ะเจรจา และทำให้ความเป็นประชาธิปไตยกลับสู่เมียนมา อันนำไปสู่ความเป็นเอกภาพและเสถียรภาพของภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะประเทศไทย
ขณะที่ผู้สื่อข่าวกระแสหลักสำนักอื่นๆได้สอบถามนายพิธาในหลายประเด็น อาทิ ประเด็นเรื่องการแก้มาตรา 112 โดยนายพิธากล่าวว่าการแก้ไขมาตรา 112 พรรคก้าวไกลยังยืนยันที่จะทำอยู่ เป็นวาระของพรรคก้าวไกลที่ต้องการจะผลักดันเรื่องนี้ และเชื่อมั่นว่าจะประสบความสำเร็จด้วยดี โดยผ่านกลไกของรัฐสภา ซึ่งขณะนี้ทางทีมงานของพรรคก้าวไกลก็ได้มีการเจรจากับ ส.ว.ให้เข้าใจในเนื้อหาของ MOU นี้แล้ว ขณะที่นายแพทย์ชลน่าน กล่าวในประเด็นเรื่องมาตรา 112 ว่าแต่ละพรรคก็มีความเห็นของแตกต่างกัน แต่พรรคเพื่อไทยต้องดูข้อกฎหมายว่ามีประโยชน์และผลกระทบอย่างไร ต้องดูรายละเอียด และเป็นสิทธิ์ของสมาชิกที่จะเข้าไปดูในรายละเอียดเหล่านี้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามเรื่องการแก้ไขปัญหากัญชา นายพิธากล่าวว่าทางพรรคก้าวไกลต้องการจะทำให้มีสภาพบังคับที่ชัดเจน ไม่ใช่มีสุญญากาศแบบในช่วงเวลาที่ผ่านมา โดยกรณีกัญชาที่ผิดกฎหมายหรือที่ด้อยคุณภาพนั้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของกัญชาเพื่อการแพทย์ ดังนั้นเรื่องการแก้ไขปัญหากัญชาไม่น่าจะเป็นสิ่งที่จะต้องน่ากังวลแต่อย่างใด
เมื่อถามถึงกรณีหุ้นสื่อบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ที่ถูกยื่นคำร้องต่อ กกต.ให้ตรวจสอบอยู่นั้น หาก กกต.มีมติอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา และเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญ มีแผนสำรองอย่างไร มั่นใจเรื่องนี้แค่ไหน นายพิธา กล่าวว่า ไม่ต้องกังวล อย่างที่บอกต้องรอคำร้อง กกต. ก่อน ตอนนี้เราไม่จำเป็นต้องตีตนก่อนไข้ คำอย่างที่อธิบายหลายครั้งว่า เรามีหลักฐาน หลักกฎหมาย เตรียมตัวชี้แจงไว้แล้ว และอธิบายหน่วยงานเกี่ยวข้อง ตั้งแต่สมัยอดีตพรรคอนาคตใหม่ไปแล้ว แต่แน่นอนว่า ทั้งหมดทั้งปวง คำร้องมีลักษณะแบบไหน ยื่นคำร้องอย่างไร และจะอธิบายให้สังคมเข้าใจ หวังว่าจะคลายความกังวลลงไปได้