'หมอสุภัทร' คาดเป็นการกลั่นแกล้ง! แจงปมจัดซื้อ ATK เป็นไปตามสถานการณ์โควิด เมื่อหมดแล้ว สั่งใหม่ ไม่ซื้อเก็บ รับแก้สัญญาก่อสร้างจริง ยันทำถูกต้องตามขั้นตอน ส่วนจัดซื้อลิฟท์ เผย นพ.สสจ.เซ็นอนุมัติแล้ว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranew.org) รายงานว่า จากกรณีมีคำสั่งกระทรวงสาธารณสุขแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรง นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.รพ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผอ.รพ.จะนะ ในเรื่องการจัดซื้อ ATK ผิดระเบียบพัสดุ และการแก้ไขสัญญาสร้างตึกอาคารบริการผู้ป่วย 8 ชั้นที่แสวงหาประโยชน์และทำให้ราชการเสียหาย รวมทั้งการสั่งซื้อลิฟท์ทั้งที่อาคาร 8 ชั้นยังสร้างไม่เสร็จ
นพ.สุภัทร ได้เปิดเผยกับ สำนักข่าวอิศรา ว่า ทราบเรื่องเท่าที่มีการนำเสนอข่าว ส่วนเอกสารตัวจริงก็ยังไม่มาถึง คาดว่าน่าจะสืบเนื่องจากคำสั่งย้ายจาก ผอ.รพ.จะนะ ไปเป็น ผอ.รพ.สะบ้าย้อย โดยหลังจากย้ายได้มีการส่งทีมตรวจสอบภายในเข้าไปในโรงพยาบาลแล้ว
ส่วนเรื่องการจัดซื้อ ATK นพ.สุภัทร กล่าวว่า ข้อเท็จจริงก็ตรงไปตรงมา เป็นการจัดซื้อชุดตรวจ ATK มาตรวจผู้ป่วยโควิด-19 โดยมีการแบ่งซื้อ เมื่อหมด ก็ซื้อใหม่ ไม่ได้เป็นการซื้อมาสต็อกเก็บไว้ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ณ ขณะนั้นไม่มั่นใจว่าจะจบเร็วหรือจบช้า นอกจากนี้ เมื่อสั่งซื้อจำนวนมาก บริษัทก็ไม่มีของจัดส่งให้ ทั้งนี้เหตุเกิดปี 2564 และเรื่องนี้ถูกตรวจสอบมาก่อนแล้ว โดยหน่วยงานตรวจสอบภายในจังหวัด
นพ.สุภัทร กล่าวถึงการแก้ไขสัญญาก่อสร้างว่า มีแก้ไขสัญญาจริง แต่ได้แก้ไขถูกต้องตามขั้นตอน มีเอกสรครบถ้วน และจะนำไปชี้แจงกับกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ส่วนการจัดซื้อลิฟท์นั้น เป็นการจัดซื้อก่อนที่อาคารจะสร้างเสร็จก็ถูกต้องแล้ว เพราะถ้ารอสร้างอาคารเสร็จจะไม่ทันใช้ เพราะอาคารผู้ป่วย 8 ชั้น ต้องใช้ลิฟท์ขึ้น-ลง จึงต้องบริหารการซื้อลิฟท์ให้ทันกับการก่อสร้างอาคารให้เสร็จตามเวลา โดยการจัดซื้อลิฟท์ต้องใช้เวลา 240 วันถึงจะแล้วเสร็จ ไม่ใช่การสั่งซื้อแล้วได้ของเลย เพราะต้องนำเข้า ทั้งนี้ ได้จัดทำเอกสารการซื้อลิฟท์ถูกต้องตามขั้นตอน มีการอนุมัติโดยแพทย์สาธารณสุขจังหวัด
"โดยส่วนตัวคิดว่าเป็นการกลั่นแกล้ง เมื่อมีการสั่งย้ายแล้ว ก็ต้องทำให้ผมมีบาดแผล เพราะไม่งั้นผมก็อาจจะฟ้องกลับว่า ย้ายโดยไม่ชอบธรรม คิดว่าทั้งสามประเด็นก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ต้องรอให้หนังสือมาอย่างเป็นทางการก่อน" นพ.สุภัทร กล่าว
นพ.สุภัทร กล่าวด้วยว่า ส่วนการเผยแพร่เป็นการแอบถ่ายออกมา ยังไม่มีการลงวันที่ ซึ่งไม่ถูกต้อง เพราะเอกสารนี้ถือเป็นเอกสารลับ ตามหลักการต้องมีแจ้งให้เจ้าตัวทราบเท่านั้น และดำเนินการสอบสวนจนมีเหตุชัดเจนว่าเป็นการผิดวินัย ถึงแจ้งให้สาธารณชนทราบ เพื่อปกป้องสิทธิของคนที่โดนสอบ เพราะคนที่โดนสอบยังไม่ถือว่าเป็นผู้กระทำผิด
นอกจากนี้ นพ.สุภัทร ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Supat Hasuwannakit ระบุว่า “ความยุติธรรมและปราศจากอคติ” มีไหมใน สธ. วันนี้
สาระของการสอบวินัยว่าผมจัดซื้อ ATK ผิดระเบียบพัสดุ การแก้ไขสัญญาสร้างตึกอาคารบริการผู้ป่วย8ชั้นที่แสวงหาประโยชน์และทำให้ราชการเสียหาย รวมทั้งการสั่งซื้อลิฟท์ทั้งที่อาคาร8ชั้นยังสร้างไม่เสร็จนั้น ผมจะไปชี้แจงในคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ตอบตรงไปตรงมาพร้อมหลักฐาน ราชการต้องตอบสนองผลลัพธ์และประโยชน์ประชาชน ไม่ใช่จ้องใช้ระเบียบหยุมหยิมในการจับผิด
ปรากฏการณ์นี้คือการกลั่นแกล้งข้าราชการประจำ และจงใจจะเอาให้ออกจากราชการ เพราะเคยสั่งสอบวินัยไม่ร้ายแรงร่วมสิบเรื่องแล้ว เพจชมรมแพทย์ชนบทก็ยังไม่หยุด สั่งย้ายแล้ว การเคลื่อนไหวของชมรมแพทย์ชนบทก็ยังไม่หยุด ความแค้นจึงสุมอก สั่งให้ลงมือให้หนัก คนๆนั้นไม่ใช่ใครอื่นไกล ทุกท่านรู้ดี
ตามกติกา รัฐมนตรีไม่สามารถทำอะไรตรงกับข้าราชการระดับกลางระดับล่างได้ ต้องมีปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้สนอง เป็นคนเห็นชอบและสั่งการ ปลัดไม่สั่ง มีหรือรองปลัด/ผู้ตรวจจะกล้าลงมือ เมื่อเรามีปลัดกระทรวงที่ไร้ซึ่งความเป็นผู้นำ ความอยุติธรรมและไร้ธรรมาภิบาลจึงเกิดต่อเนื่อง
กฎ ก.พ.ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย พ.ศ.2556
การดำเนินการกรณีกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง “ต้องยุติธรรม และปราศจากอคติ”
ผมมั่นใจว่า คำสั่งสอบวินัยร้ายแรงครั้งนี้ “ไม่เป็นธรรม และเต็มไปด้วยอคติ”
คำสั่งสอบวินัยฉบับร่างหลุดไปยังเพจโปรภูมิใจไทยโดยที่ผมก็ยังไม่ได้เห็นเอกสาร นี่คือความจงใจสร้างกระแสใส่ความผม เป็นการจงใจหมิ่นประมาท ซึ่งปลัดโอภาสควรตั้งกรรมการสอบสวนด้วยว่า เอกสารลับนี้หลุดไปได้อย่างไร
คำสั่งรีบลงนามมาก กลัวว่าหากผลเลือกตั้งและฟอร์มรัฐบาลออกมาแล้ว จะไม่ได้สอบผมกระมัง จึงรีบชิงลงมือก่อน
และที่สำคัญ รัฐมนตรีอนุทินอดไม่ได้ที่จะส่งข่าวการตั้งกรรมการสอบวินัยในกลุ่มไลน์ก่อนใคร รู้เรื่องก่อนผมอีก อะไรจะรักและเป็นห่วงผมขนาดนั้น
ผมพร้อมครับสำหรับกระบวนการสอบสวนที่เป็นธรรม ส่วนความไร้ธรรมาภิบาลใดๆที่เกิดขึ้นนั้น ผมและแพทย์ชนบททุกรุ่นพร้อมจะร่วมมืออย่างเต็มที่กับรัฐบาลที่มีพรรคก้าวไกล-เพื่อไทยเป็นแกนนำ เพื่อฟื้นฟูกระทรวงสาธารณสุขให้กลับมาเป็นบ้านที่มีความเป็นธรรม อบอุ่น และมีประสิทธิภาพในการดูแลประชาชนทุกคนได้อย่างเต็มกำลัง
โปรดติดตาม