'อุปกิต' แถลงโต้ 'รังสิมันต์-อัจฉริยะ' ปมซื้อขายหุ้น บ.อัลลัวร์ กรุ๊ป แจงมีอีก 22 บัญชี 86 บริษัท รับโอนเงินจากบัญชียาเสพติดเหมือนกัน จี้ตรวจสอบทุกฝ่ายเท่าเทียมกัน จ่อยื่น ป.ป.ช.สอบพ.ต.ท.มานะพงษ์ โดยมิชอบ เหตุมีหน้าที่แค่สืบสวนเท่านั้น
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 10 เม.ย. นายอุปกิต ปาจรียาง สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้แถลงข่าวตอบโต้นายรังสิมันต์ โรม อดีต ส.ส.พรรคก้าวไกล และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมถึงกรณีการซื้อขายหุ้นอัลลัวร์ กรุ๊ป พร้อมทั้งทำเอกสารเปิดผนึกไปถึงทั้งสองคนระบุว่า
“ตามที่ท่าน (นายรังสิมันต์ โรม)เป็นผู้อภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 และออกมา เคลื่อนไหว เรียกร้อง ร้องเรียนต่อหน่วยงานในสายงานกระบวนการยุติธรรม และสื่อสํานักต่างๆ ให้ดําเนินคดี กับข้าพเจ้า (เอกสารถึงนายอัจฉริยะ ระบุว่านายอัจฉริยะเป็นบุคคลแรกที่เปิดเผยเรื่องนี้) โดยอ้างว่าข้าพเจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องและอยู่เบื้องหลังกลุ่มบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป ทั้งหมด ที่รับโอนเงินค่ายาเสพติดจากบัญชีเครือข่ายยาเสพติดไปชําระค่ากระแสไฟฟ้าแล้วแปลเปลี่ยนเป็นกระแสไฟฟ้าส่งไปให้พ่อค้ายาเสพติดที่ประเทศเมียนมานั้น
ขณะนี้ข้าพเจ้าได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็น ธรรมต่ออัยการสูงสุด เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2566 ในประเด็นขอเรียกร้องให้มีการสอบสวนนิติบุคคลและ บุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ที่ได้รับโอนเงินจากบัญชียาเสพติดเช่นเดียวกับกลุ่มบริษัท อัลลัวร์ และการไฟฟ้าส่วน ภูมิภาคเพื่อชําระค่าไฟฟ้าในนามกลุ่มบริษัท อัลลัวร์ ซึ่งบัญชีเครือข่ายยาเสพติดทั้ง 16 บัญชีนี้ ซึ่งต่อมาได้ ตรวจสอบเพิ่มอีก 6 บัญชี รวมเป็น 22 บัญชี
จากการตรวจสอบรายการเดินบัญชีของบัญชีข้างต้น ที่ปรากฏอยู่ในสํานวนของศาลอาญา คดี หมายเลขดําที่ 21249/2565 คดีนายทุน มิน หลัด กับพวก และเป็นบัญชีที่พันตํารวจโทมานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ ใช้เป็นพยานหลักฐานเพื่อกล่าวหาและดําเนินคดีกับกลุ่มบริษัท อัลลัวร์ฯ รวมทั้งข้าพเจ้า พบว่ามี นิติบุคคลที่ได้รับโอนเงินจากบัญชีดังกล่าว เช่นเดียวกับกลุ่มบริษัท อัลลัวร์ฯ รวมทั้งสิ้น 86 บริษัท
การรับโอนเงินจากบัญชีเครือข่ายยาเสพติดของนิติบุคคลและบุคคลทั่วไปเหล่านี้ เป็นการรับโอนจากบัญชีเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกัน ที่มีการชําระเงินค่ากระแสไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคของกลุ่มบริษัท อัลลัวร์ฯ และที่สําคัญนิติบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด รับโอนเข้าบัญชีนิติบุคคลนั้นๆ โดยตรง แต่ไม่มีการดําเนินคดี กับนิติบุคคลเหล่านั้น แต่กลุ่มบริษัท อัลลัวร์ฯ ไม่ได้รับเงินไว้โดยตรง ปลายทางเส้นเงินอยู่ที่การไฟฟ้าส่วน ภูมิภาคทั้งหมด แต่ถูกดําเนินคดี
ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงขอเรียกร้องท่านในฐานะผู้ที่ให้ความสําคัญเกี่ยวกับคดีนี้เป็นพิเศษ ดําเนินการกับนิติ บุคคลและบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่รับโอนเงินจากบัญชียาเสพติดในลักษณะเดียวกันกับที่ท่านดําเนินการกับ กลุ่มบริษัท อัลลัวร์ฯ และข้าพเจ้า เพื่อให้เห็นว่าการดําเนินการต่างๆ ของท่านเกี่ยวกับคดีนี้เป็นไปด้วยความ เป็นธรรม เสมอภาค เท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ และไม่เกี่ยวกับการเมือง
จึงเรียนมาเพื่อเรียกร้องขอให้ดําเนินการดังกล่าวข้างต้น”
สำนักข่าวอิศรารายงานเพิ่มเติมว่าในระหว่างการแถลงข่าว นายอุปกิตยังได้กล่าวถึงนายรังสิมันต์ว่าส่วนตัวคิดว่า นายรังสิมันต์เป็นคนรุ่นใหม่ การอภิปรายน่าจะมีความใหม่ มีความสด แต่กลับใช้วิธีเดิมๆ และวิธีโบราณเอาเอกสารมาจากไหนไม่ทราบ จนตอนหลังมาทราบว่าเป็นประวัติแชตที่นานเป็นสิบๆ ปีมาแล้ว แต่ พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ อดีตสารวัตร กองกำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เอาไปตัดต่อ และแปลผิดๆ เพื่อทำหลักฐานมามัด และออกหมายจับ
"ผมจึงให้บริษัททนายที่มีความชำนาญด้านภาษาอังกฤษแปล แล้วยื่นไปที่ศาล และคณะสอบสวนทุกที่ เพราะ พ.ต.ท.มานะพงษ์ ไม่ได้มีหน้าที่ที่จะมาออกหมายจับผม เพราะมีหน้าที่รับผิดชอบการสืบสวนเท่านั้น ความจริง พ.ต.ท.มานะพงษ์ ต้องส่งเรื่องให้ฝ่ายสอบสวน คือ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 เพื่อออกหมายจับ แต่ต้องออกหมายเรียกผมก่อนที่จะออกหมายจับ เพราะผมมีตัวตน มีบ้านอยู่ ถ้าออกหมายเรียกผมก็จะรีบไป" นายอุปกิตกล่าว
นายอุปกิตกล่าวต่อไปว่านอกจากนี้ พ.ต.ท.มานะพงษ์ ออกหมายจับ โดยไม่แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบว่าจะออกหมายจับผู้ที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เมื่อไปที่ศาลก็ไม่ได้แจ้งผู้พิพากษาที่อยู่เวร ว่าจะมาขอหมายจับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะเห็นว่าผิดถึง 3 ขั้นตอน จึงเป็นการเลือกปฏิบัติกับตนแต่ผู้เดียว
"ยืนยันว่าผมไม่หนีไปไหน ผมจะสู้จนสุดท้าย ทั้งนี้หลังจากเสร็จการแถลงข่าวตนจะไปยื่นร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เนื่องจาก พ.ต.ท.มานะพงษ์ ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เพราะตั้งหน้าตั้งตาออกหมายจับผมโดยไม่รู้หน้าที่ และกฎหมาย ใช้เพียงความคิดของตัวเองดำเนินการด้วยตัวเอง โดยไม่มีผู้ใหญ่ ผู้บังคับบัญชาและศาลคอยกลั่นกรอง หากปล่อยไว้ในสังคมแบบนี้จะเป็นอันตรายมาก ทั้งยังมีความพยายามสร้างเรื่องให้ตนเป็นตัวร้าย"นายอุปกิตกล่าวและกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่าหลังจากนี้จะมีจะมีของขวัญให้นายรังสิมันต์ และนายอัจฉริยะ จึงขอให้โปรดติดตามตอนต่อไป