‘ก้าวไกล’ ไล่เรียงความเป็นมาเหตุกราดยิงโคราช ชี้มาจากการทุจริตบ้านพักสวัสดิการทหารบก พบมีการยักยอกเงินขายบ้าน ผู้ประกอบการร้องเรียน ถูกล็อบบี้ให้ยอมความ ด้าน’กลาโหม’ชี้แจงทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ ไม่มีเพิกเฉย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ร่วมอภิปรายเป็นการทั่วไปตามมาตรา 152 กรณีเหตุการณ์กราดยิงที่ จ.นครราชสีมาเมื่อปี 2563
นายปดิพัทธ์ กล่าวว่าเหตุกราดยิงที่ จ.นครราชสีมานั้น กล่าวได้ว่ามีสาเหตุหลักมาจากความโกรธแค้นที่ถูกโกงเงินในโครงการซื้อบ้านของกองทัพบก ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2554 เป็นโครงการของกรมสวัสดิการทหารบก ที่ให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการทหารบกทำโครงการบ้านสำหรับกำลังพล ขออนุมัติกับผู้บังคับบัญชา ยื่นขอกู้เงินจากกรมสวัสดิการทหารบกเพื่อนำไปซื้อบ้าน โดยเมื่อมีการอนุมัติเงินกู้ กำลังพลที่กู้เงินจะต้องไปรับเช็คที่กรมสวัสดิการทหารบกแล้วนำเช็คไปขึ้นเงิน ก่อนนำเงินไปจ่ายให้กับผู้ประกอบการต่อไป
@จ่า ส.-เสธ.-ก้อย สาวถึงเจ้ากรมฯ
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ขั้นตอนดำเนินการบางขั้นถูกตัดตอนไปด้วยการทุจริต ที่ประกอบด้วยการหักค่าหัวคิว 5% ต่อบ้านทุกหลังของโครงการ และเงินส่วนต่างค่าบ้าน หรือการประเมินราคาบ้านสูงกว่าความเป็นจริงเพื่อให้ผู้กู้ได้เงินส่วนต่างเอาไปตกแต่งบ้านหรือเอาไปใช้เพื่อการอื่น ดังนั้น การรับเช็คโดยกำลังพลจึงไม่มีอยู่จริง แต่ดำเนินการผ่านตัวกลาง ซึ่งก็คือ “จ่า ส.” สังกัดกรมสวัสดิการทหารบก เป็นผู้รับเช็คแทนผู้กู้ทั้งหมดไป จากนั้น ผู้ประกอบการก็จะโอนค่าธรรมเนียม 5% ไปให้ คนกลางบุคคลต่อไป คือ “จ่า ธ.” ซึ่งเป็นผู้ได้รับมอบหมายให้ดูแลเอกสารข้อมูลของผู้ประกอบการทั้งหมด และจะเป็นผู้โอนเงินก้อนนี้ ไปให้กับเสธ. เงินกู้
โดยนายปดิพัทธ์ได้นำสมุดบัญชีออมทรัพย์ของ “จ่า ส.” พร้อมแชทไลน์ที่คุยกับผู้ประกอบการชื่อ “ก้อย” มาเปิดเผยให้เห็นถึงกระบวนการทุจริต พร้อมระบุว่าหากไล่ดูบัญชีในช่วงต่างๆ จะพบสิ่งที่น่าผิดสังเกต ว่านายทหารยศจ่าคนหนึ่งในกองทัพบก มีเงินเดินในบัญชีสูงถึงหลักแสนหรือล้านบาทในแต่ละวัน พร้อมกับการส่งสลิปผ่านทางแชทไลน์ และยังมีภาพของกระดาษจด ที่แจกแจงรายละเอียดค่าต่างๆ ที่ต้องจ่าย
ซึ่งกระบวนการเช่นนี้ แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง เสธ.เงินกู้มาถึง 3 คน ตลอด 9 ปี แต่ระบบก็ยังคงอยู่ ที่น่าสนใจเป็นพิเศษ คือหลักฐานที่บ่งชี้ให้เห็นด้วย ว่าแม้แต่เจ้ากรมสวัสดิการทหารบก ก็อาจมีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการนี้ และที่น่าตกใจ ก็คือแม้แต่คนในระดับที่ใหญ่กว่าเสธ. ก็อาจมีการเรียกรับเงินด้วยเช่นกัน ดังปรากฏหลักฐานเป็นสลิปในแชทไลน์ ที่ “พล.ต.วสันต์” ในขณะนั้นเป็นรองเจ้ากรมสวัสดิการทหารบก ก็ได้รับเงินเต็มๆ จาก “จ่า ธ.” เป็นยอด 100,000 บาท ซึ่งคาดได้ว่าน่าจะเป็นเงินเก็บค่าผ่านงานจากผู้ประกอบการ
@ร้องเรียนยักยอกเงินส่วนต่างขายบ้าน เจอกล่อมให้จบเรื่อง
แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ที่ได้กลายมาเป็นต้นเหตุของโศกนาฏกรรมกราดยิง เมื่อมีผู้ประกอบการรายหนึ่ง คือ “ป้าอนงค์” ซึ่งเป็นทั้งแม่ยายของนายทหารที่มีอำนาจอนุมัติให้กู้ และมีความสนิทสนมกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายคน มีบารมีถึงขั้นทำตัวเป็นนายหน้า เอาบ้านในโครงการของ “ก้อย” ไปเสนอขายให้กับกำลังพลหลายคน แล้วก็ยักยอกเงินส่วนต่างของกำลังพลเหล่านั้นเข้าตัวเอง
ต่อมาเมื่อมีการร้องเรียนเกิดขึ้น ก็เกิดความพยายามนัดพูดคุยให้เรื่องจบภายในห้องที่กรมสวัสดิการทหารบก ซึ่งมีการอัดคลิปเสียงมาเป็นหลักฐานยืนยันได้ ว่ามีการอมเงินค่าส่วนต่างจริง มีบุคคลที่เข้ามาเกี่ยวข้องและรับรู้ ทั้งเสธ.เงินกู้ ไปจนถึง พล.ต. “ว.” รองเจ้ากรมสวัสดิการทหารบก ผู้ซึ่งมีหลักฐานแชทไลน์บ่งบอกอย่างชัดเจน ว่าได้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วและจะต้องมีการแก้ไข
นายปดิพัทธ์ระบุว่า นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนเหตุกราดยิงโคราช 25 วัน ซึ่งหากกองทัพบกเพียงไปหยิบแฟ้มงานของป้าอนงค์มาดู ก็จะเห็นได้ว่ามีการโกงค่าส่วนต่างกำลังพลรายใดไปบ้าง และก็จะได้เห็นชื่อของจ่าคลั่งเป็นหนึ่งในรายชื่อเหล่านั้น แต่เมื่อกองทัพบกไม่ได้ดำเนินการใดๆ จึงนำไปสู่โศกนาฏกรรมดังกล่าวขึ้น
บทสนทนาที่เกิดขึ้นในวันที่มีเหตุการณ์กราดยิงก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่ามีการรับรู้ถึงกระบวนการอมเงินส่วนต่างค่าบ้านมานานแล้วเป็นเวลาเกือบเดือน แต่ไม่มีใครทำอะไรทั้งสิ้น ถึงขั้นที่ พล.ต. “ว.” พิมพ์แชทบอกกับก้อย ว่า “เริ่มเป็นไปตามขั้นตอนที่หนูคิดไว้” “ถ้าเชื่อหนูสักนิด คงไม่บานปลายขนาดนี้” “คนอื่นคงไม่ต้องเดือดร้อนไปด้วย”
@อัดตรง ผบ.ทบ.เจรจาให้จบเรื่อง
หลังเกิดเหตุการณ์ ทาง ผบ.ทบ. ก็ได้ออกมาสั่งการให้ยกเลิกโครงการบ้านพักทิ้งไป ส่งผลให้ผู้ประกอบการขาดทุนเป็นหนี้กันหลายราย รวมถึง “ก้อย” ที่เอาเรื่องการทุจริตไปร้องเรียนต่อ แต่แทนที่จะได้การแก้ไขปัญหา กลับมีความพยายามไกล่เกลี่ยให้จบเรื่อง มีหลักฐานเป็นบันทึกเสียงสนทนาที่ทำให้เห็นได้ชัด ว่า ผบ.ทบ. ในเวลานั้น คือ พล.อ. ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ รู้แล้วว่าเสธ. “ส.” รับสินบนจริง แต่ก็ยังเลือกที่จะส่งคนมาเจรจาให้จบเรื่องไม่เอาความ โดยอ้างว่าเพื่อไม่ให้กองทัพเสื่อมเสียชื่อเสียง
ส่งผลให้ก้อยต้องไปเจรจาไกล่เกลี่ยที่กรมการสารวัตรทหารบก มีการนำเงิน 15 ล้านบาท เตรียมจะมามอบให้ก้อยเพื่อให้จบเรื่องทั้งหมด แลกกับการเซ็นยอมความว่าเป็นการเข้าใจผิดและไม่ดำเนินการทางกฎหมายหรือทางวินัย แต่ด้วยความที่ก้อยต้องขาดทุนไปถึง 50 กว่าล้านบาท จึงดำเนินการเรียกร้องความเป็นธรรมต่อ นำไปสู่การถูกตามคุกคามหลายครั้ง จนสุดท้ายผลการสอบสวนกลับตัดสินออกมาเพียงให้ พล.ต. “ว.” ได้รับโทษงดบำเหน็จปี 2565 ครึ่งปีหลัง และเตรียมโยกย้ายออกจากตำแหน่งตามวงรอบ ขณะที่ เสธ. “ส.” ซึ่งเป็นเสธ.เงินกู้ที่ได้เงินไปหลายร้อยล้านบาท ก็ถูกลงโทษฐานผิดวินัยทหาร เพียงให้กัก 7 วัน และงดโบนัสครึ่งปี
นายปดิพัทธ์กล่าวต่อไป ว่านี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นจากประเพณีการทุจริตในกองทัพและความปล่อยปละละเลย โดยที่หนึ่งในคนที่ปล่อยให้ประเพณีการทุจริตได้ฝังรากลึกอยู่ในกองทัพตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ก็ย่อมหนีไม่พ้น พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่นอกจากจะไม่ติดตามเรื่องนี้แล้ว ยังบอกด้วยว่าเป็น “เรื่องปกติที่ต้องเกิดขึ้นในทุกองค์กร” ด้วย
“วัฒนธรรมการทุจริตในกองทัพแบบนี้ จะทำให้เกิดเหตุการณ์อย่างจ่าคลั่งอีกกี่คนก็ได้ ที่ไหนก็ได้ มันอาจจะไปเกิดที่ค่ายนเรศวร ค่ายเอกาทศรถ มีกราดยิงที่บิ๊กซีก็ได้ ห่างจากค่ายทหารแค่ 10 นาที ผมเป็น ส.ส.ของชาวพิษณุโลก จะไม่มีวันยอมให้เกิดขึ้น ต้องปฏิรูปกองทัพให้ได้ และเราไม่มีวันปฏิรูปกองทัพ ปฏิรูปตำรวจ ตราบใดที่ 3 ป.ยังอยู่ เราเห็นคาตาแล้ว 8 ปีนี้ ทหารและตำรวจเลวร้ายขึ้นขนาดไหนภายใต้ 3 ป. ข้อเสนอสุดท้ายของผมในการอภิปราย 152 ก็คือ ให้ทหารชั้นผู้น้อยและประชาชนทุกคน ลงคะแนนเสียงอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งครั้งนี้ เอา 3 ป.ออกไป เปิดประตูสู่การปฏิรูปกองทัพอย่างแท้จริง เอาคนผิดมาเข้ากระบวนยุติธรรมและรับโทษให้สาสมให้ได้” นายปดิพัทธ์กล่าว
พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ที่มาภาพ: ทีวีรัฐสภา
@กลาโหมโต้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ
ด้าน พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่ากา่รกระทรวงกลาโหม ชี้แจงว่า ในเรื่องของสวัสดิการของกองทัพบก ที่มีการร้องเรียนว่ามีความบกพร้องและทุจริต ต้องให้หน่วยนั้นดำเนินการตรวจสอบและลงโทษผู้กระทำความผิด โดยทุกเหล่าทัพ ทุกหน่วยงานสามารถดำเนินการได้ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการปี 2547
ส่วนหลังจากเหตุกราดยิง ได้สั่งให้กองทัพบกตรวจสอบข้อเท็จจริง และลงโทษผู้กระทำความผิด 123 ราย ทั้งปลดออก ย้าย และงดบำเหน็จประจำปี ไปจนถึงการปรับลดสวัสดิการบางส่วนด้วย โดยเฉพาะการกู้เงินสวัสดิการ ต้องทำร่วมกับสถาบันการเงิน เพื่อให้รอบคอบและเหมใาะสมมากขึ้น
ขณะที่การร้องเรียน พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็สั่งการให้มีการตรวจสอบ โดยนายทหาร 2 นาย อยู่ระหว่างการดำเนินการของ ป.ป.ช.
อ่านประกอบ
กราดยิงหมู่ในเมืองไทย : อย่าคิดว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก!
ส่องขั้นตอนซื้อปืนสวัสดิการทบ.-ปริศนา 'บิ๊กแดง' สั่งแก้ระเบียบ'นายพล' เท่านั้นถึงเซ็นได้? |
พงศกร รอดชมภู : ช่องโหว่ระบบแต่งตั้งโยกย้ายแบบรวมศูนย์อำนาจ ต้นเหตุกรณี 'จ่าทหาร' |
ละเอียด!ที่มา บ.อสังหาฯเมีย-แม่ยาย ‘พ.อ.’คู่กรณี‘จ่าทหาร’ 4 ปีเลิก-ไม่เคยประกอบธุรกิจ?
ผ่าโปรเจค "บ้านจัดสรรทหาร" แบบไหนมีเงินทอน-งาบหัวคิว? |
อภิรัชต์ คงสมพงษ์ : เสียใจเหตุการณ์ทหารกราดยิง วอนอย่าด่ากองทัพ ให้มาโทษ ผบ.ทบ.