องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่ประทับรับฟ้อง คดี‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ กระทำผิดข้อหาตามป.อาญา มาตรา 151 กรณีจ้างสื่อจัดอีเวนต์ 240 ล. ชี้ ป.ป.ช.บรรยายคำฟ้องไม่ครบองค์ประกอบความผิด ไม่อาจ นําเอกสารท้ายฟ้องมาพิจารณาประกอบได้ ส่วนข้อหาอื่นให้ประทับรับฟ้อง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2565 ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามีคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำที่ อม.อธ. 3/2565 คดีหมายเลขแดงที่ อม.อธ. 5/2565 ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โจทก์ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จำเลย กับพวก จำเลยที่ 1-6 เรื่อง ความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ คดีกล่าวหาว่าปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริต มุ่งหมายไม่ให้มีการแข่งขันเสนอราคาอย่างเป็นธรรม กรณีการจัดจ้างโครงการ Roadshow สร้างอนาคตประเทศไทย Thailand 2022 วงเงิน 240 ล้านบาท ผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และผิดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542
ก่อนหน้านี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองมีคําสั่งไม่ประทับรับฟ้องข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ส่วนข้อหาอื่นให้ประทับรับฟ้อง โดยเห็นว่า คําฟ้องโจทก์ไม่ได้บรรยายองค์ประกอบให้เห็นว่าจําเลยที่ 1 ถึงที่ 3 เป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ซื้อ ทํา จัดการ หรือรักษาทรัพย์อย่างไร กรณีถือว่าฟ้องโจทก์ไม่ได้บรรยายโดยแจ้งชัดซึ่งสาระสําคัญ เป็นฟ้องที่ไม่ครบองค์ประกอบของความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 8 วรรคสาม และเป็นกรณีที่ไม่อาจสั่งให้โจทก์แก้ฟ้องที่ขาดองค์ประกอบความผิดให้เป็นฟ้องที่ครบองค์ประกอบความผิดได้
ล่าสุดองค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา พิพากษายืนตามศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์เห็นว่า การพิจารณาว่าคําฟ้องของโจทก์ครบองค์ประกอบความผิดหรือไม่ ต้องพิจารณาจากคําฟ้องโจทก์เท่านั้น ส่วนเอกสารท้ายฟ้องแม้เป็นส่วนหนึ่งของคําฟ้องก็เป็นเพียงส่วนแสดงข้อเท็จจริงและรายละเอียดเท่านั้น ไม่อาจนําเอกสารท้ายฟ้องมาพิจารณาประกอบกับคําฟ้องเพื่อให้ฟ้องที่ขาดองค์ประกอบความผิดเป็นฟ้องที่ครบองค์ประกอบความผิดดังที่โจทก์อุทธรณ์ ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองมีคําสั่งไม่ประทับฟ้องในข้อหานี้มานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจําเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 และมาตรา 13 และจําเลยที่ 4 ถึงที่ 6 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86, 151 และมาตรา 157 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 พระราชบัญญัติว่าด้วย ความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 4, 12 และมาตรา 13 นับโทษของจําเลยที่ 1 ต่อจากโทษของจําเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อม.211/2560 ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง
ข่าวเกี่ยวข้อง: