กทม.ได้อันดับ 44 ความคล่องตัวระบบสัญจรโลก ขณะระบบขนส่งสาธารณะได้ 39 คะแนน บทวิจัยชี้ชัดการบังคับใช้กฎจราจนยังหย่อนยาน จนท.ไม่แก้ปัญหาอุบัติเหตุจากน้ำท่วม
สำนักข่าวอิศรา (www.isranew.org) รายงานข่าวบริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการของสหรัฐอเมริกาที่ชื่อว่า Oliver Wyman Forum ได้มีการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ จัดอันดับเมืองที่มีความพร้อมของความคล่องตัวในพื้นที่เมือง หรือ Urban Mobility Readiness Index (UMR) ประจำปี 2565 ซึ่งอันดับดังกล่าวนั้นเกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพความคล่องตัวระบบสัญจรในเมืองต่างๆทั่วโลก พบว่ากรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่อยู่ในอันดับที่ 44 จาก 60 เมืองทั่วโลกที่ได้มีการสำรวจขณะที่นครซานฟรานซิสโกเป็นเมืองที่มีค่า UMR อยู่ในอันดับที่ 1
ส่วนอันดับการสัญจรอย่างยั่งยืนพบว่ากรุงเทพได้อันดับที่ 47 จาก 60 เมืองทั่วโลกที่ได้มีการสำรวจ ขณะที่กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ ได้ค่าการสัญจรอยู่ที่อันดับ 1 และค่าประสิทธิภาพของระบบขนส่งสาธารณะพบว่ากรุงเทพได้อันดับที่ 39 จาก 60 เมืองที่ได้มีการสำรวจ ส่วนเมืองที่มีระบบขนส่งสาธารณะดีที่สุดในโลกได้แก่เขตปกครองพิเศษฮ่องกงซึ่งได้อันดับ 1
ขณะอันดับของเมืองที่ได้อันดับหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือว่าอาเซียนได้แก่สิงคโปร์ ซึ่งได้อันดับ UMR อยู่ที่อันดับ 3 อันดับการสัญจรอย่างยั่งยืนอยู่ที่อันดับ 4 และอันดับในด้านการขนส่งสาธารณะอยู่ที่อันดับ 6
โดยในเว็บไซต์ของบริษัท Oliver Wyman Forum ยังได้ลงลึกในรายละเอียดเกี่ยวกับกรุงเทพว่ามีการผสมผสานที่หลากหลายรูปแบบของการขนส่งอาทิ รถไฟฟ้ารางเบา,รถประจำทาง,เรือ และมีการเชื่อมโยงที่แข็งแกร่ง ทำให้ผู้อยู่อาศัยสามารถจอดรถที่ลานจอดรถแล้วนำจักรยานมาใช้คู่กับระบบขนส่งสาธารณะได้ ขณะที่ราคาของระบบขนส่งนั้นยังไม่แพง และมีราคาตั๋วโดยสาร (ไม่ระบุว่าโดยสารประเภทไหน) ที่เหมาะสมกับรายได้ผู้อยู่อาศัยในกรุงเทพ
แต่อย่างไรก็ตามกรุงเทพยังคงมีปัญหาในเรื่องของการไม่บังคับใช้กฎจราจรอย่างเคร่งครัด และกรุงเทพยังต้องเผชิญกับปัญหาจากอัตราผู้เสียชีวิตบนท้องถนนที่สูงใกล้เคียงกับเมืองอื่นๆในอันดับล่างๆของดัชนี ขณะที่เจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายก็ไม่ได้ใช้มาตรการป้องกันที่เพียงพอในการป้องกันอันตรายที่จะมาจากภัยธรรมชาติ อาทิ น้ำท่วมบ่อยครั้งในฤดูฝนเป็นต้น
ส่วนค่าคะแนนของกรุงเทพในด้านผลกระทบที่ระบบขนส่งมีต่อสังคมนั้นอยู่ที่ 43.6 เปอร์เซ็นต์ คะแนนด้านโครงสร้างพื้นฐานอยู่ที่ 44.6 เปอร์เซ็นต์ คะแนนด้านความดึงดูดทางการตลาดอยู่ที่ 41 เปอร์เซ็นต์ คะแนนด้านประสิทธิภาพระบบอยู่ที่ 43.3 เปอร์เซ็นต์ และคะแนนด้านนวัตกรรมอยู่ที่ 16 .3 เปอร์เซ็นต์