เลขาฯชมรม STRONG อุดรธานี ยันข่าว"แอบอ้างเป็น จนท. ป.ป.ช. เรียกรับเงิน 3 แสนบาท" ไม่ใช่เรื่องจริง ตรวจสอบแล้วมีปลอมแชทไลน์ใส่ร้ายด้วย ลั่นสมาชิกไม่มีใครมีพฤติกรรมตบทรัพย์ เร่งติดตามตัวคนโพสต์โดยเร็ว เหตุทำชมรมเสียหาย-ปลาย พ.ย.นี้ จ่อยกเครื่องวางระบบแก้ไขปัญหาใหม่
กรณีสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รับการร้องเรียนจากนายกิตติศักดิ์ ศิริคลังเจริญรุ่ง บรรณาธิการหนังสือพิมพ์คู่แผ่นดิน (บก.ต้น คู่แผ่นดิน) เกี่ยวกับการถูกโพสต์ข้อมูลใส่ร้าย จากบุคคลกลุ่มหนึ่งในเพจชมรม STRONG ต้านทุจริตแห่งประเทศไทย ว่า มีพฤติการณ์ขู่กรรโชกทรัพย์เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่งจำนวน 300,000 บาท เพื่อเป็นค่าโฆษณาหนังสือพิมพ์ที่ตนเป็นบรรณาธิการอยู่ แลกกับการไม่นำเสนอข่าวขุดคุ้ยความไม่ปกติของโครงการ และยังมีการกล่าวอ้างว่าตนมีความสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ระดับสูงทั้งในระดับภาคและจังหวัดที่สามารถสั่งการได้เพราะได้รับการแต่งตั้งมาจาก พล.ต.อ. วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
- สื่ออุดรฯยันถูกใส่ร้ายปลอมแชทไลน์ปมอ้างป.ป.ช.รีด 3 แสน ซัดผู้ไม่หวังดีแฝงตัวหา ปย.
- โชว์แชทไลน์! แฉสื่อท้องถิ่นอุดรฯ แอบอ้างชื่อ ปธ.ป.ป.ช. ขู่เรียกเงิน จนท.รัฐ 3 แสน
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้ติดต่อไปยัง นายนวคม เสมา เลขาธิการ ชมรมสตรอง จ.อุดรธานี เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้เพิ่มเติม โดยนายนวคม กล่าวว่า ได้ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และขอยืนยันในฐานะคนในพื้นที่ว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
"กรณีการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง โดยแอบอ้างชื่อของชมรมสตรองนั้นถือว่าร้ายแรงยิ่งกว่าการทุจริตอีก ซึ่งในส่วนของชมรมสตรองอุดรธานีได้มีการประชุมหารือกันแล้ว พบว่าเรื่องนี้ไม่มีมูล ลักษณะของคนที่ทำเฟซบุ๊กตัวนี้ขึ้นมา ที่เป็นกรรมการชมรมอ้างว่าไปรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ใน ป.ป.ช. พอไปเช็คดูแล้วพบว่าเป็นไลน์ที่สร้างขึ้นเอง แล้วก็มีการทดลองทำ พบว่ามันก็เป๊ะเลย"
"มูลเหตุของเรื่องเป็นกรณีของคนสองคนนั้นอาจจะมี แต่ว่าการไปเรียกแบบนี้ในนามชมรมนั้นไม่มี ซึ่งทางชมรมก็คุยกันแล้วว่าจะต้องชี้แจงกับผู้สื่อข่าว แต่ว่าพอดี ป.ป.ช.จังหวัดนั้น ย้ายไป จ.ขอนแก่น พอดี เรื่องนี้ก็เลยดูเหมือนว่ามันจะเงียบไป คิดว่ามันน่าจะจบแล้ว แต่สองสามวันต่อมา เรื่องนี้กลับโผล่ขึ้นมาอีก และก็ยังเป็นเฟซอันเดิม" นายนวคมระบุ
เมื่อผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ถามย้ำว่า กรณีนี้ถูกระบุว่า มีการนำเอาโพสต์เก่าของเดือน ก.ค. 2564 กลับมาโพสต์ใหม่อีกครั้งเมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา บนเพจชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทยก่อน แล้วเพจชมรม STRONG ต้านทุจริตภาคอีสานก็มีการแชร์โพสต์มา
นายนวคมกล่าวว่า "โครงสร้างชมรม STRONG นั้นจะมีอยู่ทุกจังหวัด แล้วก็จะมีในระดับภาค ซึ่งของเราก็คือภาค 4 ที่ จ.ขอนแก่น แต่ว่าชมรม STRONG แห่งประเทศไทย นั้นต้องยอมรับว่าไม่รู้ว่าใครเป็นแอดมินเพจ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการตรวจสอบกับ ป.ป.ช.จังหวัด เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันสร้างขึ้นมาได้อย่างไร ก็ยังเป็นประเด็นกันอยู่"
นายนวคมกล่าวอีกว่า "เรื่องนี้ ก็มีความเป็นไปได้อีกเช่นกันว่าอาจจะมีใครบางคนที่ไม่หวังดี แล้วเขามีรหัสของเฟซบุ๊กชมรม STRONG ต้านทุจริตแห่งประเทศไทย แล้วเขาเลยไปโพสต์ข้อความข่าวที่ไม่จริงดังกล่าวก็ได้อีกเช่นกัน แต่ส่วนตัวแล้วขอเรียนว่ามีการตรวจสอบกันในชมรม STRONG อุดรธานี ตรวจสอบดูรายชื่อหมดแล้ว และตรวจสอบดูเรื่องปัญหาข้อกล่าวหาการตบทรัพย์ เรียกรับเงินด้วย ก็พบว่าไม่มีใครทำแบบนี้แน่"
เมื่อถามย้ำว่าได้มีการประสานเครือข่ายชมรม STRONG ใหญ่หรือไม่ นายนวคมกล่าวว่า "ก็ให้ ป.ป.ช.เช็คไปแล้ว แต่ว่ายังหาตัวไม่ได้ ทาง ป.ป.ช.ภาค 4 เขาก็ดูกันอยู่ แล้วเขาให้ทางชมรมไปลงบันทึกประจำวันไว้ ถ้าหากไม่ใช่ตัวเอง"
"ในส่วนของ จ.อุดรธานี ผอ. ป.ป.ช.คนเก่า เขายืนยันว่าเรื่องไม่มีมูล คือ เราไม่ได้ทำอะไร ก็ไม่ต้องไปลงบันทึกประจำวัน" นายนวคมกล่าว
เมื่อถามต่อว่า ตอนนี้จะไปไล่ดูก่อนไหมว่าใครมีรหัสเข้าถึงเพจเฟซบุ๊กชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย นายนวคมกล่าวว่า "อันนี้ผมไม่ทราบจริง ๆ และผมก็ไม่ได้เป็นสมาชิกของเพจชมรม STRONG ต้านทุจริตแห่งประเทศไทยด้วย"
เมื่อถามถึงกรณีชมรม STRONG ต้านทุจริตภาคอีสาน นายนวคม กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไปถามเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดอุดรธานี เพราะดูแลชมรมอยู่ ส่วนเครือข่ายที่แชร์มา ส่วนตัวก็ไม่ได้อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย ก็เห็นที่แชร์ ๆ ต่อกันมา
เมื่อถามถึงข้อมูลของอีเมล [email protected] ซึ่งเป็นอีเมลที่ถูกระบุอยู่บนเพจ ชมรม STRONG ต้านทุจริตแห่งประเทศไทย และยังเป็นอีเมลที่สำนักข่าวอิศราได้สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปก่อนหน้านี้ นายนวคมกล่าวว่า "ไม่ทราบ และไม่รู้จักอีเมลนี้อีกเช่นกัน"
เมื่อถามถึงการแก้ไขปัญหาในอนาคต เพื่อป้องกันไม่ให้มีการอ้างอิงข่าวที่ผิดพลาดจากเพจชมรม STRONG อีก นายนวคมกล่าวว่า "ในส่วนของชมรม STRONG อุดรธานีจะมีการประชุมหารือกันในช่วงปลายเดือน พ.ย. เพื่อให้มีการเซ็ตระบบคณะกรรมการใหม่ เพราะว่าจะมีการเลือกตั้งคณะกรรมการกันอยู่แล้วในช่วงเวลาดังกล่าว แล้วก็จะมีการตั้งรหัสเฉพาะในกลุ่มของพวกเรา โดยการสื่อข่าวอะไรก็จะต้องมีกฎ และต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.เป็นแอดมินประกอบกัน"
"ขอเรียนว่าชมรมสตรองไม่เงียบกับเรื่องนี้ และก็ไม่นิ่งเฉยด้วย ซึ่งเรามีมาตรการอยู่แล้ว ส่วน บก.ต้นเราก็มีการไปพูดคุยกับเขาแล้วเช่นกัน เพราะเขาเป็นกรรมการชมรมด้วย เขาก็ยืนยันหนักแน่นว่าไม่มีการไปทำแบบนั้นแน่นอน" นายนวคมกล่าว
"เรื่องนี้นั้นแม้จะดูเหมือนว่าเป็นเรื่องส่วนตัว เป็นความขัดแย้งกันระหว่างสองคน แต่ว่าก็ทำให้เกิดความเสียหายในหลายมิติ ทั้งต่อชมรมสตรองและต่อการทำหน้าที่สื่อเพื่อตรวจสอบการทุจริตด้วย ดังนั้นก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเปิดโปงว่าผู้ที่โพสต์ข่าวที่ไม่จริงดังกล่าวนั้นว่าเป็นใครกันแน่ เพื่อแก้ปัญหาต่อไป" เลขาธิการ ชมรมสตรอง จ.อุดรธานี ระบุ