'บก.ต้น คู่แผ่นดิน' สื่อท้องถิ่นอุดร เข้าชี้แจง 'อิศรา' ปมเพจชมรม STRONG เผยแพร่ข้อมูลใส่ร้ายแอบอ้างเป็น จนท. ป.ป.ช. เรียกรับเงิน 3 แสนบาท เจ้าตัวยันไม่ใช่เจ้าของแชทไลน์ ระบุเคยสู้จนมีการลบข้อมูลออกไปแล้ว ข้องใจเอากลับมาโพสต์ใหม่อีก ปูดมีกลุ่มบุคคลไม่หวังดี แฝงตัวเข้าไปอยู่ในเพจคอยตบทรัพย์คน ขณะที่ผู้สื่อข่าวอิศรา ส่งอีเมลถามแอดมินเพจฯ ยังไม่ตอบกลับ
สืบเนื่องจากสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวอ้างอิงข้อมูลจากเพจชมรม STRONG ต้านทุจริตแห่งประเทศไทย กรณีเจ้าของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ปราบปรามการทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช. แสดงพฤติกรรมขู่กรรโชกทรัพย์ จากเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่งจำนวน 300,000 บาท เพื่อเป็นค่าโฆษณาหนังสือพิมพ์ที่ตนเป็นบรรณาธิการอยู่ แลกกับการไม่นำเสนอข่าวขุดคุ้ยความไม่ปกติของโครงการ และยังมีการกล่าวอ้างว่าตนมีความสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ระดับสูงทั้งในระดับภาคและจังหวัดที่สามารถสั่งการได้เพราะได้รับการแต่งตั้งมาจาก พล.ต.อ. วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. โดยการเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว มีการระบุว่าเพื่อเตือนภัยการแอบอ้าง ป.ป.ช.
ล่าสุด เมื่อวันที่ 31 ต.ค.2565 ที่ผ่านมา นายกิตติศักดิ์ ศิริคลังเจริญรุ่ง บรรณาธิการหนังสือพิมพ์คู่แผ่นดิน (บก.ต้น คู่แผ่นดิน) ได้เดินทางมาพบกองบรรณาธิการสำนักข่าวอิศรา เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏเป็นข่าวดังกล่าว โดยนายกิตติศักดิ์ ยืนยันว่า ตนเป็นบุคคลที่ถูกเพจชมรม STRONG ระบุถึง และข้อมูลที่มีการนำมาเผยแพร่ ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
ส่วนที่มาที่ไปของเนื้อหาโพสต์นี้นั้น ในช่วงเดือน ก.ค. 2564 ที่ผ่านมา ทางเพจชมรม STRONG ได้เคยมีการโพสต์เนื้อหาข่าวนี้มาก่อน และมีการนำรูปของตนลงมาประกอบโพสต์ด้วย และมีการคาดแว่นดำที่หน้าตน แต่ถึงแม้ว่าจะคาดแว่นดำ แต่ถ้าหากมีใครมาเห็นรูป ก็จะรู้ว่าเป็นตนอย่างแน่นอน (ดูภาพพร้อมเนื้อหาประกอบ)
ส่วนข้อเท็จจริงเรื่องแชทไลน์เรียกรับเงิน 3 แสนบาทนั้น บก.ต้น คู่แผ่นดิน ยืนยันว่า ไม่ใช่ไลน์ของตนอย่างแน่นอน แต่ว่าเป็นไลน์ปลอมที่มีผู้ไม่หวังดีปลอมไลน์เป็นไลน์ของตน ซึ่งสามารถกระทำได้ แล้วก็มีการแชทกันเพื่อทำเนื้อหาใส่ร้ายตนขึ้นมา ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นตนก็ได้มีการไปร้องทุกข์กล่าวโทษกับบุคคลที่ใส่ร้ายตนแล้ว จนเป็นเหตุทำให้ทางเพจชมรม STRONG ได้ลบเนื้อหาดังกล่าวออกไป
อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 27 ต.ค.65 ที่ผ่านมา ทางเพจชมรม STRONG ก็ได้เอาโพสต์ข่าวนี้ซึ่งเคยมีปัญหาในช่วงปี 2564 กลับมาโพสต์ใหม่อีกครั้งหนึ่ง
"ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเจตนาของชมรม STRONG ที่ทำแบบนี้นั้นคืออะไร อาจเป็นไปได้ว่า กลุ่มคนที่กระทำการดังกล่าวมีเจตนาที่จะดิสเครดิตผม เพราะไปรู้ไปเห็นสิ่งไม่ดีที่พวกเขาทำเอาไว้" บก.ต้น คู่แผ่นดินระบุ
โพสต์ของชมรม STRONG ที่อ้างว่าถูกนำกลับมาโพสต์ใหม่
บก.ต้น คู่แผ่นดิน ยังระบุด้วยว่า นอกจากนี้ ในช่วงเดือน ม.ค. 2565 ทางเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ได้เคยให้ข่าวไปแล้วว่า "เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ชี้แจงต่อหน้าศาลจังหวัดอุดรธานี ว่า กลุ่มโอเพ่นแชท และ เฟซบุ๊กเพจ “ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย” ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ ป.ป.ช. “ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย” เป็นของเอกชนที่ตั้งขึ้นมาเอง แอดมินเพจ “ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย” ก็ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 31 ก.ค.2564 “ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย” จัดทำเผยแพร่ข่าวปลอม หรือเฟคนิวส์ โดยได้นำไลน์ปลอม จัดทำเป็นรูปข่าว พร้อมข้อความว่า “เตือนภัย อ้างเป็น ป.ป.ช. เรียกรับเงิน 3 แสน” พร้อมรูปภาพบุคคลสวมแว่นตาดำ" (ดูภาพประกอบ)
ต่อมาเมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2565 บนเฟซบุ๊กของสำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 1 ก็ได้มีการโพสต์ข้อความอีกครั้งหนึ่งระบุว่า อย่าหลงเชื่อข้อความจากเพจชมรม STRONG ลงวันที่ 31 ก.ค. 2564 กรณีผู้แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.เรียกรับเงิน เนื่องจากอาจทำให้เกิดความเข้าใจคาดเคลื่อน และทาง ป.ป.ช. ก็ได้มีการลบการแชร์โพสต์จากเพจชมรม STRONG ดังกล่าวแล้ว (ดูภาพประกอบ)
บก.ต้น คู่แผ่นดิน ยังกล่าวด้วยว่า จากกรณีดังกล่าว ตนได้รับความเสียหายจากการนำเสนอข้อมูลของเพจชมรม STRONG จึงได้มาขอมาร้องเรียนกับสำนักข่าวอิศรา เพื่อให้ช่วยทำข่าวตรวจสอบกลุ่มบุคคลผู้ไม่หวังดี ซึ่งใช้ชื่อเพจชมรม STRONG มาเพื่อใส่ร้ายตนนั้นเป็นใครกันแน่
"จุดเริ่มต้นของเพจ ชมรม STRONG เป็นเรื่องนี้ ในการนำเสนอข้อมูลตรวจสอบปัญหาการทุจริตคอรัปชัน แต่ในทางปฎิบัติมีคนบางกลุ่ม เข้าไปแฝงตัวแสวงหาผลประโยชน์ คอยตบทรัพย์ กระบวนการทำเวลามีข่าว ป.ป.ช.ลงพื้นที่ไปตรวจสอบทุจริต จากนั้นก็จะมีคนไม่หวังดีเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์เรียกรับเงินตอบแทน เรื่องนี้จึงถือเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องเข้ามาร่วมกันตรวจสอบ รวมถึง ป.ป.ช. เพื่อที่จะล้างคนกลุ่มนี้ ให้หมดไปจากเพจ ชมรม STRONG"
บก.ต้น คู่แผ่นดิน ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า "สำหรับตัวผมเอง ไม่เคยปฏิเสธการถูกตรวจสอบ พร้อมให้ทุกฝ่ายเข้ามาตรวจสอบอยู่แล้ว เพราะมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตนเอง"
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา รายงานข่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากได้รับคำชี้แจงข้อมูลจาก บก.ต้น คู่แผ่นดิน ในช่วงเย็นของวันที่ 31 ต.ค. 65 ที่ผ่านมา ได้ส่งอีเมลสอบถามข้อมูลกับแอดมินเพจชมรม STRONG ผ่านอีเมลชื่อว่า [email protected]
โดยถามคำถามไปทั้งสิ้น 3 คำถามด้วยกันได้แก่
1.ข่าวที่สำนักข่าวอิศราได้อ้างอิงจากเพจชมรมสตรองเมื่อวันที่ 27-28 ต.ค.ที่ผ่านมา เป็นข่าวเดียวกับที่ถูกอ้างถึงเมื่อเดือน ก.ค. 2564 ใช่หรือไม่
2.ถ้าหากไม่ใช่ เป็นคนละข่าวกัน ทำไมเนื้อหาของข่าว(เตือนภัย อ้างเป็น ป.ป.ช. เรียกรับเงิน 3 แสน) ทั้งในเดือน ก.ค. 2564 ตามที่ถูกอ้างถึง และข่าวในวันที่ 27 ต.ค. ถึงมีความเหมือนกันมาก
3.ข่าวนี้มีเนื้อหาที่เป็นความจริงหรือไม่ และถ้าหากแอดมินยืนยันว่า ข่าวนี้เป็นความจริง และเป็นข่าวเดียวกันกับข่าวในเดือน ก.ค. 2564 ทำไม ป.ป.ช.ถึงบอกว่าข่าวนี้เป็นข่าวปลอม
อย่างไรก็ดี จนถึงปัจจุบันสำนักข่าวอิศรา ยังไม่ได้รับอีเมลตอบกลับมาชี้แจงข้อเท็จจริงแต่อย่างใด
ส่วนกรณีที่ บก.ต้น คู่แผ่นดิน ระบุว่า มีคนบางกลุ่ม เข้าไปแฝงตัวแสวงหาผลประโยชน์ในเพจ ชมรม STRONG สำนักข่าวอิศรา จะติดตามข้อเท็จจริงมานำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบต่อไป