'โกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง' รองอธิบดีอัยการฯ ยืนยัน 'อิศรา' ข่าวจริง อดีตผอ.โรงเรียนบ้านท่าใหม่ สุราษฎร์ธานี โดนโทษคุก 192 แต่ติดจริง 50 คดีทุจริตอาหารกลางวันเด็กอนุบาล ให้กินขนมจีนราดน้ำปลา
กรณี นายสมเชาว์ สิทธิเชนทร์ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านท่าใหม่ ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ถูกสอบสอนและโดนลงโทษไล่ออกจากกรณีทุจริตอาหารกลางวันเด็กอนุบาล ซึ่งมีการแชร์คลิปเด็กกินขนมจีนราดน้ำปลา เป็นอาหารกลางวัน ในช่วงปี 2562 ที่ผ่านมา
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2565 ชมรมSTRONGต้านทุจริตประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า "ทราบมาว่า จำคุก ผอ.ขนมจีนน้ำปลา 192 ปี ตามกฏหมายสูงสุด 50 ปี"
ขณะที่ นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีอัยการสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (สคช.) ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา ว่า จากการสอบอัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 8 ได้รับแจ้งว่าคดีนี้ ศาลมีคำพิพากษาตัดสินไปหลายเดือนแล้ว โดยให้ลงโทษจำคุกจำเลย เป็นเวลา 192 ปี เนื่องจากทำผิดหลายกรรม แต่ตามกฏหมายสูงสุดลงโทษได้เพียงแค่ 50 ปี เท่านั้น ตามที่มีการส่งแชร์ต่อข้อมูลในโลกออนไลน์จริง
ต่อมาสำนักข่าวอิศรา สืบค้นข้อมูลคำพิพากษาพบว่า คดีนี้อัยการเป็นโจทก์ฟ้องคดีให้ ป.ป.ช. มีนายสมเชาว์ สิทธิเชนทร์ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านท่าใหม่ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี เป็นจำเลยคนเดียว ในฐานะความผิดทุจริตต่อหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 162(1)(4) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 มาตรา 121/1
ก่อนที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 จะมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 7ก.ค.2565 ว่า นายสมเชาว์ สิทธิเชนทร์ จำเลยมีความผิดให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และการกระทำของจำเลยในแต่ละครั้งเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน จึงให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 77 กระทง ให้จำคุกกระทงละ 5 ปี
นายสมเชาว์ จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกกระทงละ 2 ปี 6 เดือน รวมจำคุก 192 ปี 6 เดือน
เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3)
อย่างไรก็ดี คดียังไม่สิ้นสุด จำเลย มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้