'นอร์เวย์' เผยผลวิจัย พบผู้ป่วยโควิดสายพันธุ์อู่ฮั่น 46 เปอร์เซ็นต์มีอาการลองโควิด ขณะกลุ่มผู้มีปัญหาสมาธิ-ความจำพบมีอาการถึงปีครึ่ง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานสถานการณ์เกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 หรือโคโรน่าไวรัสว่าที่ประเทศนอร์เวย์โดยมหาวิทยาลัยเบอร์เกนและโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเฮาเคแลนด์ได้ออกมาเปิดเผยผลวิจัยพบว่ามีผู้ป่วยโควิดที่มีอาการลองโควิดมากกว่าที่เคยเชื่อกันไว้ในตอนแรก
“พบว่ามากถึง 46 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ติดโควิดในรายงานการศึกษาของเรานั้นพบว่ามีปัญหากับผลของโควิดในระยะยาว ซึ่งนี่ถือว่าเป็นจำนวนที่มาก” พญ.นีน่า แลงจ์แลนด์ ศาสตราจารย์และผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การติดเชื้อที่มหาวิทยาลัยเบอร์เกนกล่าว
การศึกษาดังกล่าวนั้นพบว่าเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ตอนต้นของการระบาด ก่อนที่กลุ่มทดลองจำนวน 233 รายจะได้รับการปกป้องจากวัคซีน ซึ้งแม้ว่ากลุ่มผู้ที่มีอาการลองโควิดนั้นจะรวมไปถึงผู้ที่ป่วยด้วยอาการโควิดที่ไม่รุนแรงอาทิไอและปวดหัว และพบว่า 39 เปอร์เซ็นต์ในกลุ่มนี้ยังคงมีอาการเหนื่อยล้าแม้ว่าระยะเวลาจะผ่านไปหกเดือนแล้ว
มีรายงานพบว่า 22 เปอร์เซ็นต์นั้นยังคงมีอาการเกี่ยวข้องกับความยากลำบากในการจดจ่อ และ 21 เปอร์เซ็นต์มีอาการเกี่ยวกับความทรงจำ
และนอกจากนี้ยังพบด้วยว่าผู้ที่มีปัญหากับสมาธิและความทรงจำนั้น อาการของคนกลุ่มนี้พบว่าแย่ลงแม้ว่าเวลาจะผ่านไปถึงหนึ่งปีครึ่งแล้วก็ตาม
โดยนักวิจัยกำลังพยายามจะศึกษาว่าทำไมอาการของคนกลุ่มนี้นั้นถึงแย่ลง
“ทุกคนที่อยู่ในกระบวนการศึกษานั้นเป็นผู้ติดโควิดสายพันธุ์อู่ฮั่นซึ่งเป็นสายพันธุ์แรกเริ่ม แต่เราเห็นสัญญาณแล้วว่าสายพันธุ์ใหม่อาจจะก่อให้เกิดปัญหาค่อนข้างมากได้ แม้ว่าอาการติดป่วยจะรุนแรงน้อยกว่ามากก็ตาม” พญ.แลงจ์แลนด์ กล่าว