'อิสราเอล' เผยผลงานวิจัยพบยาแพกซ์โลวิดของไฟเซอร์ไม่มีประโยชน์เมื่อใช้รักษากลุ่มผู้ติดเชื้ออายุน้อยกว่า 65 ปี แต่ยังใช้ได้ผลดีเมื่อป้องกันผู้สูงอายุกลุ่มเสี่ยงเข้าโรงพยาบาลหรือเสียชีวิต
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 หรือโคโรน่าไวรัสว่าเมื่อวันที่ 24 ส.ค. ที่ผ่านมา ที่ประเทศอิสราเอลได้มีการเปิดเผยงานวิจัยระบุว่ายาแพกซ์โลวิดของบริษัทไฟเซอร์นั้นดูเหมือนว่าจะมีประโยชน์น้อยมาก หรือว่าไม่มีประโยชน์เลยเมื่อใช้กับกลุ่มผู้ที่เป็นผู้ใหญ่ บุคคลวัยหนุ่มสาว แต่ว่ายานี้ยังคงมีประโยชน์เมื่อใช้ป้องกันความเสี่ยงจากการเสียชีวิตและการป้องกันการเข้าโรงพยาบาลในกลุ่มที่เป็นผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงสูง
โดยผลการวิจัยดังกล่าวนั้นมาจากการการสำรวจกลุ่มคนไข้จำนวน 109,000 รายทั่วอิสราเอล ซึ่งผลการศึกษาดังกล่าวนั้นส่งผลทำให้เกิดคำถามต่อรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับการใช้ยาแพกซ์โลวิด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาผู้ป่วยโควิดที่บ้าน โดยทางด้านของทีมงานบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเด้น นั้นพบว่ามีการใช้เงินไปถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (278,706.8 ล้านบาท) เพื่อแจกจ่ายยาตัวดังกล่าวไปยังร้านขายยาจำนวนนับหลายพันแห่งทั่วประเทศผ่านโครงการตรวจและรักษาผู้ป่วยของสหรัฐฯ
สำหรับผลงานวิจัยนั้นพบว่ายาแพกซ์โลวิดสามารถลดอัตราการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลได้ในกลุ่มผู้มีอายุ 65 ปีขึ้นไปอยู่ที่ 75 เปอร์เซ็นต์ ถ้าหากว่ามีการให้ยาตัวนี้ภายในระยะเวลาไม่นานหลังจากที่ติดเชื้อแล้ว ซึ่งข้อมูลนี้สอดคล้องกับผลลัพธ์การอนุญาตให้ใช้ยานี้ทั้งในสหรัฐฯและในประเทศอื่นๆ
อย่างไรก็ตามในกลุ่มผู้ที่มีอายุระหว่าง 40-65 ปี ไม่พบว่ายานี้จะมีประโยชน์ที่วัดได้จากประวัติทางการแพทย์แต่อย่างใด
อนึ่งการศึกษาดังกล่าวนี้ยังมีข้อจำกัดอยู่เนื่องจากว่าเป็นผลการศึกษาที่ยึดโยงกับระบบสาธารณสุขขนาดใหญ่ของอิสราเอล แทนที่จะไปยึดโยงกับการสำรวจจากการสุ่มตัวอย่างของผู้ป่วยที่เป็นกลุ่มควบคุม ตามมาตรฐานของงานวิจัยทางการแพทย์ทั่วไป
ขณะที่โฆษกของบริษัทไฟเซอร์ยังคงปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นเกี่ยวกับรายงานดังกล่าว