ศาลคดีอาญาทุจริตฯ ภาค 9 อ่านคำพิพากษาชั้นฎีกาไม่อนุญาต 'สกุลศักดิ์ มะดาโอ๊ะ' อดีตนายกเทศมนตรีปาเสมัส นราธิวาส พี่ชาย ส.ส.พปชร ให้ฎีกาต่อ คดีทุจริตเอื้อเอกชนสร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็กถึงที่สุดแล้ว โดนลงโทษจำคุก 3 ปี
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2565 ศาลคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 จังหวัดสงขลา อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีกล่าวหา นายสกุลศักดิ์ มะดาโอ๊ะ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลปาเสมัส อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นพี่ชายของ นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ (บีลา) ส.ส.นราธิวาส เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ กรณีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริตในการก่อสร้างและปรับปรุงอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ม.2 บ้านตือรอ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส วงเงิน 1,518,000 บาท เจตนาเอื้อประโยชน์ให้เอกชนเป็นคู่สัญญากับเทศบาลตำบลปาเสมัส โดยมิได้ดำเนินการสรรหาผู้รับจ้าง เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ
โดยเมื่อถึงเวลา จำเลยมาศาล ศาลฯ อ่านคำพิพากษาไม่อนุญาตให้ฎีกา เท่ากับว่า คดีถึงที่สุดแล้ว ให้ลงโทษจำคุก นายสกุลศักดิ์ เป็นเวลา 3 ปี
สำหรับคดีนี้ สำนักข่าวอิศรา นำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ว่า เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2563 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 มีคำพิพากษาคดีที่อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสกุลศักดิ์ มะดาโอ๊ะ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลปาเสมัส อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส เป็นจำเลย กรณีถูกกล่าวหาว่า ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และโดยทุจริต ในการก่อสร้างและปรับปรุงอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ม.2 บ้านตือรอ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส วงเงิน 1,518,000 บาท เจตนาเอื้อประโยชน์ให้เอกชนเป็นคู่สัญญากับเทศบาลตำบลปาเสมัส โดยมิได้ดำเนินการสรรหาผู้รับจ้าง เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90, 157 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1
โดยศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 พิพากษาว่า นายสกุลศักดิ์ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (เดิม) พ.ร.บ.ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 ซึ่งเป็นบทลงโทษหนักสุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 3 ปี
ต่อมาเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2564 ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น หลังพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ในชั้นไต่สวนรับฟังได้ว่า จำเลย ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลปาเสมัส มีอำนาจกำหนดนโยบายไม่ขัดต่อกฎหมาย และรับผิดชอบการบริหารราชการของเทศบาลให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
การที่จำเลยสั่งการ อนุญาต และยินยอมให้ผู้รับเหมาเข้าไปดำเนินการก่อสร้างและปรับปรุงอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนมีการสั่งจ้าง จึงเป็นการจงใจละเว้นไม่ปฏิบัติตาม ระเบียบกระทรวงมหาดไทย และเป็นเหตุให้เทศบาลตำบลปาเสมัส ราชการ และประชาชนได้รับความเสียหาย
การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 พ.ร.บ.ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
สำหรับพฤติการณ์โดยสรุปของนายสกุลศักดิ์ ตามคำพิพากษาศาลชั้น คือ เมื่อปี 2558 เทศบาลตำบลปาเสมัส ได้รับการสนับสนุนงบประมาณโครงการส่งเสริมสนับสนุนการแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปีงบประมาณ 2558 รายการเงินอุดหนุนสำหรับชดเชยรายได้ที่ลดลงจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย เพื่อใช้ในการก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก (หลังใหม่) และกรณีสภาเทศบาลตำบลปาเสมัส อนุมัติจ่ายขาดเงินสะสมประจำปี 2558 เพื่อปรับปรุงอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก (หลังเก่า)
ตามทางไต่สวนได้ความว่า เมื่อมีการปรับปรุงอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก (หลังเก่า) ไปประมาณ 80% โดยที่เทศบาลตำบลปาเสมัสยังมิได้ดำเนินการจัดหาผู้รับจ้างตามระเบียบขั้นตอนดังกล่าว โดยนายสกุลศักดิ์ให้การว่า ได้ขอร้องให้นายสมชาย ปริธัญ ในฐานะคนรู้จักและสนิทสนมส่วนตัวไปปรับพื้นที่ส่วนที่จะดำเนินการก่อสร้างและปรับปรุงศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โดยนายสมชายทำให้เปล่าไม่มีค่าใช้จ่าย ตนมิได้ใช้อำนาจในตำแหน่งนายกเทศมนตรีสั่งการอนุญาต ใช้หรือจ้างนายสมชายให้ทำการก่อสร้างและปรับปรุงศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
แต่ข้อเท็จจริงกลับได้ความว่า หลังจากมีหนังสือร้องเรียนการดำเนินการก่อสร้างและปรับปรุงศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในวันที่ 18 พ.ค. 2558 ต่อมาวันที่ 28 พ.ค. 2558 นายสกุลศักดิ์ มีหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีร้องเรียนต่อนายอำเภอสุไหงโกลก ว่าการที่นายสกุลศักดิ์ไปก่อสร้างอาคารทั้งสองก่อนที่จะดำเนินการตามขั้นตอนระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 เนื่องจากได้รับหนังสือจากอิหม่ามประจำมัสยิดอัตตักวาและอิหม่ามประจำมัสยิดอัลญามีอียะห์ ขอคืนสถานที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เนื่องจากสถานที่คับแคบทำให้ผู้ประกอบพิธีทางศาสนาไม่ได้รับความสะดวก และขอให้เทศบาลจัดหาสถานที่ใหม่ ซึ่งเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริงภายหลังมีหนังสือร้องเรียนเพียง 10 วัน นายสกุลศัดิ์จึงยังไม่น่าจะทันมีโอกาสไตร่ตรองเพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่น
นอกจากนี้นายสกุลศักดิ์ให้การต่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง จ.นราธิวาส ว่า ให้ผู้รับจ้างชื่อนายสมชาย เข้าทำความสะอาดและดำเนินการปรับพื้นที่เพื่อเตรียมการก่อสร้างและให้แบบแปลนก่อสร้างสมบูรณ์ จึงเห็นได้ว่านายสกุลศักดิ์ มิได้ให้นายสมชายเข้าไปปรับพื้นที่เพื่อเตรียมการก่อสร้างแต่อย่างใด แต่ยังได้มอบแบบแปลนก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็กให้แก่นายสมชายด้วย ซึ่งข้อเท็จจริงส่วนนี้ตรงกับที่นายสมชายให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. และคำเบิกความต่อศาล
พยานหลักฐานโจทก์รับฟังประกอบพฤติการณ์แห่งคดีแล้วมีน้ำหนักรับฟังได้ว่า นายสกุลศักดิ์ให้แบบแปลนก่อสร้างแก่นายสมชาย และอนุญาตให้นายสมชายดำเนินการก่อสร้างและปรับปรุงอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนมีการสั่งจ้างตามระเบียบ ที่นายสกุลศักดิ์อ้างว่าได้ให้นายสมชายเข้าไปปรับไถที่ดินบริเวณที่จะดำเนินการก่อสร้างและปรับปรุงอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็กแต่เพียงอย่างเดียว ก็แตกต่างจากที่นายสกุลศักดิ์ชี้แจงและให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง จ.นราธิวาส และอีกประการหนึ่งหากนายสกุลศักดิ์ไม่ได้อนุญาตหรือยินยอมให้นายสมชายเข้าไปดำเนินการก่อสร้างดังกล่าว ต้องถือว่านายสมชายบุกรุกสถานที่ราชการ แต่นายสกุลศักดิ์ เบิกความตอบโจทก์ว่า ไม่ได้ดำเนินคดีกับนายสมชาย ข้อกล่าวอ้างของนายสกุลศักดิ์จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นายสกุลศักดิ์ใช้อำนาจในตำแหน่งนายกเทศมนตรี สั่งการ อนุญาต และยินยอมให้นายสมชายเข้าไปดำเนินการก่อสร้างและปรับปรุงอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ก่อนมีการสั่งจ้างตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยฯ
ขณะที่ นายสกุลศักดิ์ มะดาโอ๊ะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลปาเสมัส อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ถูกคำสั่งตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวด้วย