นักไวรัสวิทยา ไบโอเทค แจงเกิดความสับสน หลังเจอข้อมูลถอดรหัสไวรัส 2 ตัวอย่าง เผยไทยมีผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงยืนยันแค่ 1 ราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2565 นายอนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana ระบุว่า
ฐานข้อมูล GISAID ระบุว่ามีการถอดรหัสตัวอย่างไวรัสฝีดาษลิง 2 ตัวอย่าง ซึ่งมีนักวิจัยต่างประเทศนำไปวิเคราะห์รหัสพันธุกรรมระบุว่าเป็นไวรัส 2 สายพันธุ์ที่ต่างกัน เนื่องจากมีความแตกต่างในตัวรหัสพันธุกรรมในบางตำแหน่ง ทำให้เข้าใจว่ามาจากตัวอย่างของผู้ป่วยคนละคนกัน แต่พอดูรายละเอียดของตัวอย่างที่ระบุไว้ พบว่า น่าจะมาจากผู้ป่วยรายเดียวกัน คือ ชายชาวไนจีเรีย อายุ 27 ปี โดยรหัสพันธุกรรมแรกตั้งชื่อไวรัสว่า hMpxV/Thailand/NIC_Phuket 74/2022 เป็นตัวอย่างที่มาจากการ swab คอ และ ตัวอย่างที่ 2 ตั้งชื่อไวรัสว่า hMpxV/Thailand/CU-ID220016-FTV/2022 เป็นตัวอย่างที่มาจากตุ่มแผล
สรุปคือ ข้อมูลยังไม่มีตัวอย่างของผู้ป่วยรายที่ 2 ตามที่มีคนวิเคราะห์มานะครับ แต่เป็นการสับสนจากชื่อที่ใช้ไม่ตรงกัน ต้องขออภัยในความสับสนดังกล่าวด้วยครับ
อนึ่งก่อนหน้านี้ นายอนันต์ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ผู้ป่วยฝีดาษลิงรายที่สองของไทย? ไวรัสฝีดาษลิงที่ตรวจพบในประเทศไทยตอนนี้เป็นไวรัสที่อยู่ในกลุ่ม A.2 ซึ่งแตกต่างจากกลุ่มที่แพร่กระจายเป็นวงกว้างในยุโรปและอเมริกาซึ่งเป็นกลุ่ม B.1 (สีเหลือง) ไวรัสใน 2 กลุ่มนี้มีความแตกต่างกันไม่มากในภาพรวม แต่มากพอที่จะแยกจากกันเป็นกลุ่มที่ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นกำเนิดของไวรัสที่ระบาดในประชากรมนุษย์ เชื่อว่ามาจาก 2 แหล่งที่แตกต่างกัน และ เนื่องจาก A.1 ใกล้เคียงกับสายพันธุ์เก่ามากกว่าจึงทำให้เชื่อว่าไวรัสฝีดาษลิงอาจจะอยู่ในประชากรมนุษย์มาสักพักนึงแล้วก่อนที่จะมีการระบาดอย่างเห็นได้ชัดของกลุ่ม B.1 ในตอนนี้ สำหรับความแตกต่างของอาการของโรค หรือ ความรุนแรงระหว่าง A.2 กับ B.1 ยังไม่มีข้อมูลแบ่งแยกออกมาชัดเจน
ถ้าดูจากข้อมูลของ A.2 ในฐานข้อมูลจะเห็นว่า A.2 ไม่ได้มีความแตกต่างระหว่างกลุ่มมากเท่ากับ B.1 อาจจะเป็นเพราะไวรัสในกลุ่ม A.2 ยังมีอยู่น้อยมากเมื่อเทียบกับไวรัสที่ระบาดหนักในตอนนี้ ข้อมูลนี้ชี้ว่าไวรัสในประเทศไทยพบแล้วในผู้ป่วย 2 ราย สายพันธุ์แรกคือจากชายชาวไนจีเรีย (Phuket-74)
และ อีกตัวอย่างหนึ่งมาจากผู้ป่วยอีกรายที่ถอดรหัสที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CU-ID220016-FTV) โดยไวรัสสองตัวอย่างมีความใกล้เคียงกันมาก และ มากกว่าสายพันธุ์ A.2 ที่ไปพบในอินเดีย และ สหรัฐอเมริกา เป็นไปได้สูงมากว่า ผู้ป่วยรายที่ 2 ได้รับเชื้อฝีดาษลิงมาจากชายชาวไนจีเรียรายแรก และ ยังไม่ใช่สายพันธุ์ B.1 ที่เป็นสายพันธุ์หลักของโลกตอนนี้
ป.ล เนื่องจาก A.2 มาก่อนหลายปี แต่มีผู้ป่วยน้อยกว่า B.1 มาก เลยแอบตั้งสมมติฐานว่า ไวรัส A.2 อาจจะมีคุณสมบัติการแพร่กระจายน้อยกว่า B.1 ซึ่งการที่ยังไม่พบ B.1 ในประเทศไทยอาจจะเป็นข่าวดีอยู่นิดๆครับ
ต่อมา นายอนันต์โพสต์ ลบข้อความข้างต้นแล้ว พร้อมโพสต์ข้อความใหม่ ระบุว่า ตัวอย่างฝีดาษลิงรายที่สองในประเทศไทย น่าจะเป็นตัวอย่างจากผู้ป่วยไนจีเรียคนเดิมครับ แต่ตั้งชื่อไวรัสต่างกัน จึงสับสน