‘นายกฯ’ลุกโต้ฝ่ายค้าน หลังอภิปรายครบแล้ว ชี้ปมตั๋วช้าง 2 สอบสวนอยู่ ยันไม่หย่อนถวายความปลอดภัย ซัดกลับ ‘เสรีพิศุทธิ์’ ซื้ออาวุธได้ใช้ไม่เหมือนมอเตอร์ไซค์ไทเกอร์ ก่อนยัน 8 ปี คือการเดินทางที่เป็นรูปธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 22 กรกฎาคม 2565 กรณีสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล รวม 11 คน ตามที่ ส.ส.ฝ่ายค้านเสนอ ภายใต้ยุทธการณ์ ‘เด็ดหัว สอยนั่งร้าน’ โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-22 ก.ค.2565 ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการอภิปราย
หลังจากพรรคร่วมฝ่ายค้านได้อภิปรายจนหมดทุกคน โดยมีนายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อชาติ อภิปรายเป็นคนสุดท้าย เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงถึงข้ออภิปรายไม่ไว้วางใจต่างๆของฝ่ายค้านว่า กรณีที่ส่วนการจัดหาเรือดำน้ำจากจีน ที่มีกองทัพเรือเป็นเจ้าของโครงการ ที่ถูกกล่าวหาว่าไม่มีเครื่องยนต์นั้น หน่วยงานของรัฐเคยชี้แจงไปหลายครั้งแล้ว หากไม่มีเครื่องยนต์เราจะซื้อได้อย่างไร เพราะในทีโออาร์กำหนดแล้วว่าให้มีเครื่องยนต์ตอนที่เซ็นสัญญาก็มีการระบุแล้วว่า ต้องใช้เครื่องยนต์จากเยอรมนี แต่ต่อมาประเทศจีนมีความขัดแย้งกับเยอรมนี ทำให้มีผลกระทบกับการส่งมอบเครื่องยนต์ที่จะมาติดตั้งในเรือดำน้ำ ดังนั้น ตนจะรับมอบเรือดำน้ำได้อย่างไรในเมื่อเครื่องยนต์ยังไม่ได้มาติดตั้ง จึงต้องให้จีนไปแก้ปัญหาให้ถูกต้องตามทีโออาร์
ส่วนกรณีการทุจริตในกองบินตำรวจ (บ.ตร.) ที่มีการใช้งบกลางในการจ่ายหนี้ให้ บมจ.การบินไทย ได้สั่งให้คณะกรรมการเร่งตรวจสอบหาความรับผิดชอบแล้ว ไม่ได้ปล่อยปละละเลย ส่วนที่มีการใช้งบกลางในการเบิกจ่ายก็เพราะว่ามีความเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของการบินไทยที่ยังอยู่ในแผนฟื้นฟู เพื่อประคองสถานภาพทางการเงินของการบินไทยให้ดีขึ้น ส่วนการที่มีนายตำรวจจากกองบินตำรวจไปสังกัดในศูนย์เฮลิคอปเตอร์ถวายความปลอดภัยนั้น ยืนยันว่าให้ความสำคัญในระดับสูง มีการคัดเลือกนักบินที่ดีและมีความพร้อม มีการตรวจสมรรถภาพทางกายตามมาตรฐานการบิน
โต้ เสรีพิศุทธิ์ ซื้ออาวุธได้ใช้มากกว่ามอเตอร์ไซค์ไทเกอร์
พล.อ.ประยุทธ์ยังตอบการอภิปรายของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยว่า ในเนื้อหาการอภิปรายมีการกล่าวถึงความดีและผลงานของตัวเอง แล้วยังกล่าวถึงอดีตนายกรัฐมนตรีที่เคยเป็นนายทหาร คาดว่าตัวผู้อภิปรายก็อาจจะน้อยใจที่ไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีจากการเป็นนายพลตำรวจเลยสักคน ก็ขอให้ผู้อภิปรายพยายามต่อไปสักวันหนึ่งก็คงจะได้เป็น เพราะตัวผู้อภิปรายก็เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองอยู่แล้ว
ส่วนที่กล่าวหาว่าตนมีการทุจริต ตัวผู้อภิปรายเองก็มีข้อหาทุจริตซึ่งมีเรื่องร้องเรียนค้างอยู่ที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) เช่นกัน และยืนยันว่าการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆที่กล่าวหาว่าใช้งานไม่ได้นั้น อย่างน้อยก็ไม่ได้ซื้อมาใช้แล้วทิ้งแบบมอเตอร์ไซค์ไทเกอร๋ ขณะที่ข้อกล่าวหาด้านการควบคุมราคาพลังงานเป็นเรื่องซับซ้อน หากพูดเองอาจเข้าใจผิดได้ จะมอบหมายให้นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานชี้แจงในภายหลัง
“จากข้อกล่าวหาที่ว่า การบริหารราชการแผ่นดินของผมผิดพลาด ล้มเหลว ไร้ความรู้ความสามารถ ไม่สามารถแก้ปัญหาประเทศได้ ไม่สามารถสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจ และไม่ทำให้ประชาชนกินดีอยู่ดีได้เลย ผมก็ฟังทุกท่านผมก็จดไว้ทั้งหมดเลย อะไรดีดีผมก็รับไปอะไรไม่ดีผมก็สวดมนต์ให้ เพราะผมไม่ได้เป็นศัตรูกับท่าน ผมยืนยันว่าการเดินทางของผมตลอด 8 ปี เพื่อนำไปสู่เป้าหมายมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นรูปประธรรม จับต้องได้ และมีประชาชนส่วนหนึ่งได้รับประโยชน์ไปแล้ว” พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่ง