‘ประเสริฐ’ ตั้งปมสงสัย ‘บิ๊กตู่’ ส่อทุจริตงบกลาง 2,051 ล้านบาท อนุมัติ อว.ทำโครงการอบรมเกษตรกรซ้ำซ้อนกระทรวงอื่น พร้อมยกตัวอย่างพิรุธ มทร.อีสาน รับจัดสรร 368 ล้านบาท แต่ฝึกอบรม-แจกของไม่ครบตามเกณฑ์ คาดเสียหาย 357 ล้านบาท ขณะที่ ‘เสกสกล’ จ่อฟ้องกลับ หลังถูกพาดพิงมีเอี่ยวด้วย
เมื่อเวลา 14.30 น. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม โดยกล่าวหากรณีทุจริตต่อหน้าที่ในการใช้งบกลาง วงเงิน 2,051 ล้านบาท ว่า ตนเสียดายเวลา 8 ปีที่ผ่านมา ถ้าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีวันนั้นเป็นของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือ นายชัยเกษม นิติศิริ อดีต รมว.ยุติธรรม บ้านเมืองคงไม่เป็นอย่างนี้ น่าเสียดายโอกาสประเทศไทย นอกจากนั้นวุฒิภาวะ พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีความบกพร่อง กล่าวหาผู้อื่น เช่น กล่าวหาฝ่ายคร้านว่ามีแต่นั่งร้านไม่มีหัว ท่านเข้าใจผิด พรรคฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย มีผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ชื่อ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ไม่เหมือนท่าน ท่านอ้างว่ามีหัว ขอเรียนว่าท่านมีแต่หัว แต่ไม่มีสมอง
นายประเสริฐ กล่าวว่า โดยการตรวจสอบครั้งนี้พบว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 เม.ย.2565 ได้อนุมัติงบกลาง 2,051 ล้านบาท ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ไปดำเนินโครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีนวัตกรรมด้านเกษตรกรรมและสมุนไพร ชื่อสวยหรู แต่ดูไส้ใน คือ อบรมปลูกเห็ด พืชสมุนไพร ส่งเสริมการใช้สมนุไพรกัญชา ไม่ใช่นวัตกรรมใหม่แต่อย่างใด และพบว่าเป็นโครงการที่สำนักงบประมาณเคยทักท้วงว่าการดำเนินโครงการต้องไม่ซ้ำซ้อนกับภารกิจของหน่วยงานอื่น โดยเฉพาะกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
“ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ อ่านหนังสือของสำนักงบประมาณเป็น หรือ อ่านออก ย่อมทราบดีว่า ไม่สามารถอนุมัติงบกลางได้ เขาท้วงติงมาแล้ว แต่ท่านยังฝืนอยู่” นายประเสริฐ กล่าว
นายประเสริฐ กล่าวอ้างว่า โครงการดังกล่าวได้เสนอของบประมาณเมื่อวันที่ 19 เม.ย.2565 และ ครม.ได้อนุมัติไปเมื่อวันที่ 20 เม.ย.2565 ซึ่งวงเงินที่ได้รับการอนุมัติ 2,051 ล้านบาท ถูกกระจายโครงการไปที่มหาวิทยาลัย 4 แห่ง ประกอบด้วย 1.มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 2 โครงการ 717 ล้านบาท 2.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน 1 โครงการ 368 ล้านบาท 3.มหาวิทยาลัยแม่โจ้ 1 โครงการ 560 ล้านบาท และ 4.มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม 1 โครงการ 408 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าการอนุมัติครั้งนี้จะมีเงินทอน 1,600 ล้านบาท
นายประเสริฐ กล่าวอ้างด้วยว่า สำหรับผู้เกี่ยวข้องกับโครงการ ประกอบด้วย 1.พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้มีอำนาจอนุมัติงบกลาง 2.นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.อว. ซึ่งกำกับดูแลสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศ 3.นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นองครักษ์ให้กับนายกรัฐมนตรี มักไปปรากฏตัวในการอบรมหลายโครงการ และ 4.กลุ่มผู้บริหารมหาวิทยาลัย และนักการเมือง รวม 4 คน คือ อธิการ ฆ. , ดร.น. , ดร.ส. และ นาย ส.ที่ปัจจุบันเป็นสมาชิกพรรคการเมืองหนึ่ง
นายประเสริฐ กล่าวอ้างถึงตัวอย่างโครงการที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ที่ได้รับการอนุมัติงบ 368 ล้านบาท จัดฝึกอบรม 185 รุ่น รวม 37,000 คน โดยมีข้อมูลว่าได้มีการจัดอบรมที่วิทยาลัยเกษตรกรรม อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ที่เชื่อว่าจะเกิดความเสียหายประมาณ 357 ล้านบาท ดังนี้ ค่าวิทยากรบรรยายต้องอบรมจริง 2 วัน 4 ชั่วโมง แต่อบรมจริง 1 วัน เสียหาย 2.22 แสนบาท , วิทยากรปฏิบัติต้องอบรม 2 วัน 12 ชั่วดมง แต่อบรมจริง 4 ชั่วโมง เสียหาย 5.92 ล้านบาท , ค่าอาหาร 4 มื้อได้รับจริง 1 มื้อ เสียหาย 16.65 ล้านบาท , ค่าเอกสารไม่พบว่ามีการแจก เสียหาย 3.70 ล้านบาท , ค่าเช่าที่พัก ไม่มีการพักจริง เสียหาย 18.50 ล้านบาท , ค่าวัสดุฝึกอบรมไม่มี เสียหาย 17.78 ล้านบาท , ค่าสนับสนุนปัจจัยการผลิตให้ผู้เข้าอบรมไม่มี เสียหาย 259 ล้านบาท , ค่าบำรุงมหาวิทยาลัย ไม่มีรายละเอียด เสียหาย 15 ล้านบาท , และ ค่าบริหารโครงการ ไม่มีรายละเอียด เสียหาย 16.40 ล้านบาท
“ขอให้ทุกมหาวิทยาลัยช่วยกันติดตาม อย่าตกเป็นเครื่องมือของคนกลุ่มนี้ ที่ จ.นครราชสีมา เขากำหนดค่าใช้จ่ายต่อหัว 1 หมื่นบาท ประชาชนต้องได้ปัจจัยการผลิต 7,000 บาท แต่สิ่งที่ได้รับจริงคือเงิน 400 บาทกับข้าว 1 กล่อง” นายประเสริฐ กล่าว
นายประเสริฐ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 29 พ.ค.2565 กมธ.ติดตามงบประมาณฯ ที่มีนายไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย เป็นประธานได้เชิญตัวผู้แทนมหาวิทยาลัย 4 แห่งมาให้ข้อมูล และได้สอบถามข้อเท็จจริงทุกแห่ง โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานที่มีผู้ชี้แจง 4 คน ปรากฎว่าไม่สามารถตอบคำถามได้
นายประเสริฐ กล่าวทิ้งท้ายว่า หลังจากอภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จสิ้น จะยื่นเรื่องนี้ให้คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (กมธ.ป.ป.ช.) ที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เป็นประธาน และจะรวบรวมหลักฐานทั้งหมดยื่นคำร้องต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อตรวจสอบต่อไป
‘เสกสกล’ จ่อฟ้อง ‘ประเสริฐ’ พาดพิงเอี่ยวโครงการ
ต่อมาที่รัฐสภา นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ถึงกรณีที่ถูกอภิปรายพาดพิงว่า นายประเสริฐกับตนเป็นส.ส.พร้อมกัน และเป็นเพื่อนกันแต่พอแยกพรรคกันแล้ว ก็เอาตนมาพาดพิงในการอภิปราย ซึ่งตนยังไม่รู้เลยว่าอว.และมหาวิทยาลัยจัดอบรมโดยขั้นตอนวิธีไหน แล้วมาพาดพิงว่าตนไปเรียกร้องผลประโยชน์
นายเสกสกล กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบงบกลางเพิ่งลงไป 2,000 กว่าล้านบาท บางมหาวิทยาลัย เช่น มหาวิทยาลัยแม่โจ้ก็ยังไม่ได้มีการใช้สักบาท แล้วจะทุจริตอย่างไร ส่วนที่กล่าวหาพาดพิงตนไม่รู้เรื่อง และไม่มีความจริงสักเรื่อง เช่นที่อ้างว่าไปพบอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ซึ่งตนไปกับคณะหลักสูตรของมหาวิทยาลัยที่เรียนอยู่ ซึ่งตนสนิทกับอธิการหลายมหาวิทยาลัยเพราะเรียนหลักสูตรด้วยกัน และเป็นการจัดอบรมโดย อว. เดินทางไปพร้อมคณะ ไม่ได้ไปส่วนตัว ดังนั้นการกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็อนุมัติตามมติ ครม. ตามที่มหาวิทยาลัยและกระทรวงเสนอมา ตนจะไปมีอำนาจสั่งการอะไรได้
“การพาดพิงกล่าวหาผมให้มีความเสียหาย เพื่อนก็เพื่อนเถอะ โดนผมฟ้องแน่ ผมไม่ปล่อยไว้เด็ดขาด และถ้ามีกระบวนการทุจริต ก็มีกฎหมาย มีองค์กรอิสระ ก็ให้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษ ทำไมต้องมาพาดพิงถึงผม ผมต้องรักษาสิทธิส่วนบุคคล ที่ต้องร้องทุกข์กล่าวโทษ ดำเนินคดีฟ้องร้องนายประเสริฐ งานนี้เจอกันในศาล ผมไม่ยอมให้นายประเสริฐมาก้าวร้าวใส่ความให้เสียหาย ผมต้องปกป้องศักดิ์ศรีของผม” นายเสกสกล กล่าว
นายเสกสกล กล่าวด้วยว่า เหตุผลที่นายประเสริฐออกมาโวยวาย เพราะมีมหาวิทยาลัยไปจัดอบรมในเขตพื้นที่เลือกตั้ง อ.สีคิ้ว ซึ่งที่นั่นมีเกษตรกรคงกลัวเหยียบตาตุ่ม เพราะการเลือกตั้งครั้งหน้า นายประเสริฐ จะขึ้นเป็นบัญชีรายชื่อ และส่งลูกชายตัวเองลง ส.ส.คงจะกลัวแพ้ แต่ตนไม่เกี่ยวข้อง ไม่ได้ลง ส.ส. ทำไมต้องพาดพิง และกล่าวหานายกรัฐมนตรี และ ครม. หรือ นายประเสริฐกลัวแพ้ กลัวลูกชายจะสอบตก ถึงได้ตีโพยตีพาย