กมธ.ป.ป.ช. ลงพื้นที่ลุยสางปมข้อร้องเรียนอาคารโรงแรมคร่อมคลองสาธารณะบางรัก ต.กะรน เรียกประชุมทุกฝ่ายถกข้อมูลพื้นที่ไม่ตรงตามจริง ชี้หากฝ่าฝืนโดนจัดการตามกฎหมายแน่ เผยอยู่ใกล้เดอะพีค เรสซิเด้นท์ ที่ถูกสั่งทุบไปแล้ว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 11 ก.ค.65 ที่ห้องประชุมมุขหลังชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายสุทา ประทีป ณ ถลาง รองประธานกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมเพื่อรับฟังข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความคืบหน้าการตรวจสอบงานสร้างอาคารของโรงแรมแห่งหนึ่งคร่อมคลองสาธารณประโยชน์และการปรับปรุงเขตทางสาธารณประโยชน์ในบริเวณหาดกะตะน้อย ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยมี กมธ.ป.ป.ช. นายอานุภาพ ยอดขวัญ รอดระบำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต นายอำเภอเมืองภูเก็ต นายกเทศมนตรีตำบลกะรน ตำรวจภูธรตำบลกะรน กำนันตำบลกะรน เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ร้องเข้าร่วมประชุม
นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ เลขานุการคณะกรรมาธิการฯ กล่าวในที่ประชุมว่า การทำงานของคณะกรรมาธิการฯ เพื่อติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐว่า ได้ปฏิบัติตามกฎหมายหรือระเบียบที่ทางราชการกำหนดไว้ครบถ้วนหรือไม่ แต่จากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา และทางเจ้าของที่ดินได้ประกาศต่อสาธารณะไม่ให้คณะกรรมาธิการเข้าดูพื้นที่เพื่อดูแนวเขตทางสาธารณะว่าอยู่จุดใด จึงมองว่าเป็นการขัดข้องการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมาธิการฯ เพราะมีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญในการมาแสวงหาข้อเท็จจริง จึงเสนอให้นายอำเภอเมืองภูเก็ตหรือนายกเทศมนตรีตำบลกะรน ได้มีการไปแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่น ซึ่งจะเป็นประเด็นต่อเนื่องจากที่นายอำเมืองภูเก็ตได้ไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ว่า มีการครอบครองที่สาธารณะ เพื่อเป็นพยานหลักฐานต่อไป
นายประเดิมชัย ยังกล่าวสรุปภายหลังการประชุมว่า ด้วยมีการร้องเรียนไปยังคณะกรรมาธิการฯ กรณีที่มีภาคเอกชนเข้าไปใช้พื้นที่ซึ่งเป็นที่สาธารณะประโยชน์จริงได้มีการลงพื้นที่จริง ก่อนที่จะมีการมาประชุมเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงต่างๆ ต่อคณะกรรมาธิการฯ โดยเฉพาะประเด็นเขตทางสาธารณะกว้างประมาณ 2.5 เมตร ซึ่งก่อนนี้อำเภอเมืองภูเก็ตได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่สภ.กะรน เพื่อให้ดำเนินการตามกฎหมายกรณีที่มีผู้ไปรุกล้ำที่สาธารณะ
ถัดมาเป็นประเด็นการแสวงหาข้อเท็จจริงกรณีที่มีการนำ ส.ค.1 และ น.ส.3 ไปรวมแปลงออกโฉนด และมีที่ว่างซึ่งไม่ได้อยู่ในขอบข่ายของโฉนดหรือเอกสารสิทธิ์ เนื้อที่ประมาณ 158 ตารางวา และทางเจ้าพนักงานที่ดินได้มีการนำเสนอข้อมูลประกอบภาพ และจะมีการรายงานไปยังกรมที่ดินภายใน 30 วัน หลังจากนั้นคณะกรรมาธิการฯ จะมีการให้กรมที่ดินมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อไป โดยเบื้องต้นพบว่า มีสิ่งปลูกสร้างเข้าไปอยู่ในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นอำนาจของท้องถิ่นในการออกคำสั่งให้รื้อถอนกรณีปลูกสิ่งปลูกสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาตในที่สาธารณะ
นอกจากนี้ยังมีประเด็นการร้องเรียนเรื่องของคลองบางรัก ซึ่งในการแสวงหาข้อเท็จจริงทางเจ้าพนักงานที่ดินได้ชี้แจงว่า ทางอนุกรรมการอ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศที่กรุงเทพมหานคร ได้ส่งเอกสารมาให้ ในชั้นนี้ทางจังหวัดได้ตั้งคณะกรรมการฯ มาอ่านแปลภาพถ่าย ได้ข้อมูลว่า สิ่งที่ทางอนุกรรมการฯ ส่งมานั้นกับข้อเท็จจริงที่ทางกรรมาธิการฯ มีอยู่ไม่ตรงกัน ในเรื่องของความกว้าง ซึ่งยังสรุปไม่ได้ ระบุเพียงว่า เป็นทางน้ำไหล แต่ความยาวเบื้อต้นแจ้งว่า 240 เมตร ซึ่งทางกรรมาธิการฯ จะได้เชิญคณะกรรมการ อ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศมาให้ข้อมูลอีกครั้ง เนื่องจากมีเอกสารหลักฐานที่เป็นภาพถ่ายทางอากาศที่บ่งบอกกายภาพของคลองบางรักที่ชัดเจน และทางอำเภอได้ไปสอบพยานบุคคลซึ่งให้การตรงกันว่า คลองบางรักเดิมมีขนาดความกว้างไม่ใช่เป็นทางน้ำไหล รวมทั้งการที่เจ้าพนักงานที่ดินได้ขึ้นรูปแผนที่บริเวณดังกล่าวที่ความยาว 240 เมตร เป็นทางน้ำที่มีสิ่งปลูกสร้างทับอยู่
"หากข้อเท็จจริงปรากฏเป็นข้อยุติว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นทางน้ำจริง ผู้ที่ไปก่อสร้างอาคารทับก็จะต้องมีการออกคำสั่งให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป"
ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ใกล้กับอดีตโครงการเดอะพีค เรสซิเด้นท์ ที่ถูก อบต.กะรนสั่งทุบตึกไปแล้ว