‘บิ๊กตู่’ เปิดศึกแก้จนรอบด้าน แก้ของแพง วอนช่วยกัน อย่าขึ้นราคา เพราะไม่ใช่เวลา ไม่ซื้อไอเดียลดค่าการกลั่น 5 บาท ด้าน ‘สุพัฒนพงษ์’ ถกหน่วยงานเศรษฐกิจเค้นมาตรการชง ครม. ภายในเดือนนี้ แย้ม ‘คนละครึ่ง’ อาจแปลงกลาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 14 มิถุนายน 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังขับเคลื่อนเดินหน้าอย่างเต็มกำลัง ตนและรัฐบาลทำงานหนักตลอดเวลาเพื่อแก้ปัญหาปากท้อง ความเป็นอยู่ และความเดือดร้อนของประชาชนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ทั้งนี้ จากวิกฤติเศรษฐกิจของโลก อาทิ เรื่องพลังงาน สถานการณ์เงินเฟ้อ รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ ติดตามสถานการณ์และเตรียมการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง มีหลายเรื่องที่มีความเสี่ยงหรือความไม่แน่นอนสูง ถ้าตัดสินใจหรือแก้ไขผิด ก็อาจเกี่ยวพันไปถึงเรื่องอื่นๆด้วย เพราะอยู่ในห่วงโซ่เดียวกัน ดังนั้น จึงห่วงใยประชาชนทุกคน ทั้งเรื่องพลังงาน อาหาร และปัจจัยสำคัญในการอุปโภคบริโภค ซึ่งได้มอบหมายให้มีการติดตามความก้าวหน้าทุกวัน
วอนช่วยกัน สั่งการติดตามราคาสินค้า
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า วันนี้ตนสั่งการให้ติดตามเรื่องราคาสินค้าที่มีบางรายการปรับขึ้นราคานอกกรอบจากที่เราควบคุมอยู่ หรือสินค้าบางรายการขึ้นราคาแล้วสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน โดยตอนนี้ มีสินค้าควบคุมแล้วกว่า 200 รายการ ขณะเดียวกันมีสินค้าบางรายการที่รัฐบาลยังไม่ได้ประกาศให้มีการควบคุมราคา แต่ปรับขึ้นราคาล่วงหน้าก่อน ซึ่งแบบนี้บางครั้งก็เกินไป เพราะมันยังไม่ใช่เวลา อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา มีสินค้าบางรายการที่ราคาตก ตอนนี้จึงมาปรับราคาเพื่อหากำไรชดเชยในช่วงที่ราคาตก
แต่อยากขอให้ทุกคนช่วยกัน เพราะเวลานี้มีความเดือดร้อนด้วยกันทุกคน ถ้าใครได้ประโยชน์ฝ่ายเดียวมาเรื่อยๆ ตนคิดว่าแบบนี้มันไม่ใช่ เพราะเศรษฐกิจตกทุกระดับ ทั้งเศรษฐกิจระดับบน เศรษฐกิจระดับกลาง และเศรษฐกิจระดับล่าง ตนเข้าใจและจะพยายามบริหารงานทุกอย่างให้ดีที่สุด
หาแหล่งผลิตน้ำมันใหม่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ กรณีที่มีการพูดถึงในช่วงหลายวันที่ผ่านมาในเรื่องค่าการกลั่นน้ำมัน การแก้ปัญหาพลังงาน และการปรับให้ราคาพลังงานถูกลงนั้น สิ่งแรกที่เราต้องไปดู คือเรื่องราคาพลังงานของไทยกับของประเทศเพื่อนบ้านว่ามีความแตกต่างกันหรือไม่ เพราะอะไร และเรามีน้ำมันต้นทุนหรือน้ำมันดิบมากน้อยเพียงใด จากนั้นจึงจะคิดว่าเราจะหาต้นทุนพลังงานมาจากที่ไหน รวมถึงคิดเรื่องการกำหนดค่าต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีกลไกกำหนดอยู่แล้วในการควบคุมราคาน้ำมันโลก
ขณะที่ตนกำลังหาทางว่าจะทำอย่างไรในการเพิ่มแหล่งพลังงานให้มากขึ้น จะเป็นแหล่งบนบกหรือไม่ และถ้าไม่พอ จะต้องหาแหล่งในทะเลอีกด้วยหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่องเกี่ยวกับเขตแดนอยู่ด้วย ตนจึงมอบหมายให้ไปศึกษาว่าพอจะทำอะไรได้บ้างหรือไม่ เพราะถึงอย่างไรยังเป็นสิ่งที่เราต้องดำเนินการหาแหล่งพลังงานเพิ่มเติม มิฉะนั้นวันหน้าเราจะต้องเดือดร้อนแบบนี้ไปเรื่อยๆ
ลดค่าการกลั่นเหลือ 5 บาท/ลิตร ไม่ใช่ทางออก
นายกฯ กล่าวอีกว่า ในที่ประชุมครม.มีการพูดคุยและชี้แจงเรื่องค่าการกลั่นน้ำมันแล้ว ซึ่งรัฐมนตรีหลายคนให้ความสนใจในเรื่องนี้ว่าการที่มีคนระบุว่าค่าการกลั่นน้ำมันขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 8 บาทต่อลิตร โดยตนได้สอบถามเรื่องนี้ด้วยว่ามันมาจากไหน แต่ยังไม่มีคำตอบว่าตัวเลข 8 บาทนี้มาจากไหน เพราะเท่าที่ตัวเลขในตอนนี้ก็ยังไม่ถึง 8 บาท และที่มีคนบอกว่าถ้าให้ลดค่าการกลั่นฯมาอยู่ที่ 5 บาทต่อลิตร แล้วคิดว่าจะทำให้ราคาน้ำมันลดลง 5 บาทนั้น ตนเห็นว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น เพราะมันยังพันไปถึงเรื่องอื่นๆ เนื่องจากมีกฎหมายควบคุมและคุ้มครองผู้ประกอบการด้วย เพราะต้นทุนการผลิตไม่ได้มีแค่เรื่องน้ำมัน แต่ยังมีธุรกิจอีกหลายอย่างที่เกี่ยวเนื่องกัน ทั้งนี้กระทรวงพลังงานจะชี้แจงเรื่องดังกล่าวต่อไป จึงขอให้ฟังเขาชี้แจง เพราะเขาพยายามบริหารงานหามรุ่งหามค่ำกันอยู่ในตอนนี้
“ทุกคนต้องพยายามหาวิธีการและมาตรการที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม เราคงต้องอยู่ในสภาวะนี้ไปอีกนานพอสมควร ถ้าสถานการณ์ในต่างประเทศยังเป็นอย่างนี้อยู่ เพราะเราอยู่ในห่วงโซ่ของเขาทั้งหมด เราต้องสร้างดุลยภาพตรงนี้ให้ได้ ทั้งเรื่องการค้าขาย เรื่องพลังงาน และเรื่องอะไรต่างๆเหล่านี้ ทุกคนรู้สถานการณ์ในตอนนี้อยู่แล้ว”นายกฯ กล่าว
เค้นมาตรการใหม่ ชง ครม.ในมิ.ย.นี้
ด้านนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์ุมีเชาว์ รองนายกฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การประชุมร่วมหน่วยงานทางด้านเศรษฐกิจ ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง, ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), สภาพัฒน์ฯ และกระทรวงพลังงาน เพื่อพิจารณาต่อค่าครองชีพที่จะหมดอายุในเดือนมิ.ย.-ก.ค. จำเป็นจะต้องนั่งพิจารณากันว่า มาตรการต่อไปจะเป็นอย่างไร สถานการณ์ที่เป็นอยู่จะมองว่ายืดเยื้อไปแค่ไหน รวมถึงผลกระทบระดับโลกเป็นอย่างไร จะกระทบกับประเทศไทยอย่างไรบ้าง ซึ่งจะต้องประเมินว่ามีการดูแล มีมาตรการเพิ่มเติมอย่างไรในทุกด้าน เช่น การดูแลเรื่องราคาพลังงาน ค่าโรงกลั่น รวมถึงมาตรการดูแลครอบครัวที่เปราะบางก็จะมีมาตรการคล้ายกับรอบที่แล้ว
เมื่อถามว่าจะมีการขยายมาตรการที่ใช้ในขณะนี้ต่อไปใช่หรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ ระบุว่า ในเบื้องต้นจะดูรายมาตรการเพื่อนำมาพิจารณาว่าจะดำเนินการอะไรต่อ อะไรจำเป็นหรือไม่จำเป็นแล้ว ซึ่งจะดูในภาพรวมทีละเรื่อง โดยเป็นการพิจารณาร่วมกันไม่ใช่กระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง เพื่อให้ทันการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในเดือนนี้ให้ได้
อย่างไรก็ตามมาตรการที่จะครบในเดือนมิ.ย.-ก.ค. อย่างไรก็ต้องมีการพิจารณาเพิ่มขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่ารัฐบาลติดตามเรื่องนี้ตลอดเวลา และเมื่อถึงกำหนดที่ต้องทำอะไรเราก็ทำเต็มที่ เพราะตอนนี้ต้องคิดถึงเสมอว่าเราอยู่ในสภาวะวิกฤตซ้อนวิกฤต ทั้งเรื่องโควิด-19 สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่มีแนวโน้มจะยืดเยื้อ จึงต้องการให้ทุกฝ่ายเข้าใจว่าเรายังไม่หลุดจากภาวะวิกฤตโลก และเชื่อว่าวิกฤตพวกนี้ต้องมีวันจบ และเสถียรภาพการเงินการคลังของเรายังดีอยู่
แปลงร่าง ‘คนละครึ่ง’
เมื่อถามว่า กระทรวงการคลังจะไม่มีโครงการคนละครึ่งเฟส 5 แล้ว ตนยังไม่ได้รับทราบเรื่องนี้ เขาอาจจะไม่เรียกมาตรการคนละครึ่งแล้ว หรืออาจจะเรียกอย่างอื่นตนไม่ทราบ ต้องดูภาพรวม เมื่อถามว่า มาตราการคลังออกมาจะยังมีช่องทางที่จะกู้เงินได้เพิ่มอีกหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า น่าจะมี และหากจำเป็นก็ต้องทำ ตนคิดว่ารัฐบาลไม่ลังเลว่าจะกู้หรือไม่กู้ แต่เป็นเรื่องที่มองว่าเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม หากบอกว่าจะทำก็ต้องทำ
เมื่อถามว่าขณะนี้ดีเซลจะมีการตรึงราคา 35 บาท จะมีการขยายตรึงราคาไปถึง 38 บาทหรือไม่นั้น นายพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ที่คุยกันเบื้องต้นจะไม่มีการปรับราคาจนกว่าจะมีมาตรการใหม่