ครม.เห็นชอบในหลักการให้ ‘กรมราชทัณฑ์’ ทำสัญญาจัดซื้ออาหารเลี้ยง ‘ผู้ต้องขัง’ ก่อนเริ่มปีงบประมาณใหม่ของทุกปี หรือก่อนได้รับจัดสรรงบฯ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง ไม่ขาดตอน
...............................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุม ครม.มีมติอนุมัติในหลักการให้กรมราชทัณฑ์สามารถดำเนินการทำสัญญาจัดซื้อขายเครื่องบริโภคสำหรับใช้เลี้ยงผู้ต้องขัง ผู้ต้องกักขัง และผู้ต้องกักกัน ก่อนปีงบประมาณใหม่ของทุกๆปี และก่อนได้รับการอนุมัติเงินจัดสรรได้ เพื่อให้การจัดหาเครื่องบริโภคสำหรับเลี้ยงผู้ต้องขังมีความต่อเนื่อง ไม่ขาดตอน ตามที่กระทรวงยุติธรรม เสนอ
ส่วนกรณีที่กระทรวงยุติธรรมเสนอให้ ครม. พิจารณาอนุมัติให้กรมราชทัณฑ์สามารถก่อหนี้ผูกพันสำหรับการทำสัญญาจัดซื้อขายเครื่องบริโภคสำหรับใช้เลี้ยงผู้ต้องขัง ได้เกินกว่าหรือนอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายได้ ตามนัยมาตรา 42 แห่ง พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ ปี 2561 นั้น
ที่ประชุม ครม.ไม่เห็นชอบ เนื่องจากการอนุมัติกรณีดังกล่าวจะทำได้เฉพาะกรณีที่มีความจำเป็นและเร่งด่วนเพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดินเท่านั้น ไม่สามารถอนุมัติเป็นการทั่วไปเพื่อให้กรมราชทัณฑ์สามารถก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าหรือนอกเหนือไปจากที่มีการกำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายได้
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการพิจารณาวาระดังกล่าว กระทรวงยุติธรรม รายงานว่า กระทรวงยุติธรรม โดยกรมราชทัณฑ์ จะต้องจัดทำสัญญาจัดซื้อเครื่องบริโภคสำหรับใช้เลี้ยงผู้ต้องขัง ผู้ต้องกักขัง ผู้ต้องกักกัน ก่อนปีงบประมาณใหม่ของทุก 1 ปี และการทำสัญญามีความจำเป็นจะต้องดำเนินการก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าวงเงินงบประมาณที่สำนักงบประมาณได้พิจารณาโอนเงินจัดสรรให้
เนื่องจากสัญญามีลักษณะของการจัดซื้อแบบเป็นประจำและต่อเนื่อง เพราะมีผู้ต้องขังที่อยู่ในความควบคุมดูแลที่จะต้องเลี้ยงดูเป็นประจำทุกวันตลอดปี ซึ่งหากจัดทำสัญญาตามวงเงินที่ได้รับจัดสรรซึ่งไม่เพียงพอตลอดปีงบประมาณ ก็จะเกิดช่วงว่างของระยะเวลาที่จะต้องรองบประมาณจัดสรรเพิ่มเติม
จึงควรใช้วิธีการจัดทำสัญญาที่มีความเหมาะสม สะท้อนกับความเป็นจริงในทุกมิติ ซึ่งหากไม่ได้รับการอนุมัติให้ดำเนินการให้มีลักษณะที่มีจำเป็นและต่อเนื่องอาจจะมีผลกระทบในด้านความมั่นคง การควบคุม และความปลอดภัยของสังคม โดยอาจจะเป็นเหตุในการก่อการจลาจลภายในเรือนจำ ทัณฑสถาน และสถานกักขัง อาจจะเกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของหน่วยงานราชการได้