‘บิ๊กตู่’ ไม่รู้ข่าวนั่งหัวหน้า พปชร. ยันไม่มีอะไร ไม่คิดไกล พยายามประคับประคองรัฐบาลให้ครบวาระ ขณะที่ ‘สมศักดิ์-ชัยวุฒิ’ ประสานเสียงยันเป็นแค่ข่าวลือ ‘ไพบูลย์’ แย้มรู้ตัวมือปล่อยแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวที่ตนเองเตรียมไปนั่งเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า เพิ่งได้ยินข่าวเมื่อเช้า และไม่รู้ว่าสื่อได้แหล่งข่าวมาจากไหน ตนยังไม่ได้มีอะไรทั้งสิ้น ยังทำงานอยู่เหมือนเดิม ซึ่งทุกอย่างกำลังเดินหน้าไปได้ด้วยดี ฉะนั้นคงต้องตอบได้แค่นี้ ก็ไม่รู้ข่าวนี้มาจากไหนตนยังไม่ทราบเลย ตัวตนเองก็ยังไม่ทราบ
เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้า พปชร. ให้มาถาม พล.อ.ประยุทธ์ว่าจะตัดสินใจไปต่อหรือไม่ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมยังไม่คิดไปไกลขนาดนั้น ผมคิดว่าทำอย่างไรจะประคับประคองรัฐบาลนี้ไปให้ครบวาระ เรื่องวันหน้าก็เป็นอีกเรื่องนึง อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับประชาชนนะจ๊ะ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างให้สัมภาษณ์ประเด็นทางการเมืองเป็นที่น่าสังเกตว่า พล.อ.ประยุทธ์ตอบคำถามด้วยอารมณ์และน้ำเสียงปกติ ไม่มีอารมณ์หงุดหงิดเหมือนหลายๆครั้งที่ผ่านมา
ขณะที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการกฎหมายและข้อบังคับของพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่มีผู้ไปปล่อยข่าวให้สื่อมวลชนว่า พล.อ.ประวิตร จะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้า พปชร.ในเดือน ส.ค.นั้น ตนขอยืนยันว่าเป็นข่าวโคมลอยบิดเบือนมุ่งหวังปลุกปั่นให้เกิดความปั่นป่วน ไม่มีความจริงแต่อย่างใด
นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า ในฐานะประธานคณะกรรมการกฎหมายและข้อบังคับของพรรคจะตรวจสอบว่าเป็นสมาชิกพรรคผู้ใดที่ไปปล่อยข่าวดังกล่าวทำให้เกิดความเสียหายกับพรรค เบื้องต้นคาดว่าจะเป็นสมาชิกพรรคที่เพิ่งเข้ามาสมัครใหม่หลังจากในอดีตเคยลาออกไปเพื่อจัดตั้งพรรคขึ้นใหม่ ซึ่งในช่วงนั้นก็ไปปล่อยข่าวในลักษณะนี้ เพื่อทำให้เกิดความเสียหายกับ พปชร. เพื่อประโยชน์ของตนเองและพรรคพวก แต่เนื่องจากในขณะนั้นยังไม่เป็นสมาชิก พปชร. จึงยังไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกฎหมายและข้อบังคับของพรรคที่จะทำการตรวจสอบ
นายไพบูลย์ กล่าวต่อด้วยว่า แต่เมื่อปัจจุบันบุคคลดังกล่าวได้ขอเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคอีกครั้งหนึ่ง แต่ยังมีพฤติกรรมเดิมคอยปล่อยข่าวในลักษณะเป็นปฏิปักษ์กับพรรค บิดเบือนมุ่งหวังปลุกปั่นให้เกิดความปั่นป่วน เพื่อให้พรรคขาดเสถียรภาพ สร้างความสับสนให้กับสังคม เสียหายต่อภาพลักษณ์ความเป็นเอกภาพของพรรค จึงต้องตรวจสอบการกระทำของบุคคลดังกล่าวว่า ในฐานะสมาชิกพรรคได้มีการกระทำที่ฝ่าฝืนหน้าที่และความรับผิดชอบต่อพรรคหรือฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามจริยธรรมของพรรคประการใดบ้าง และจะดำเนินการอื่นกับสมาชิกผู้นั้นตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯต่อไป
ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวน่าจะเป็นการปล่อยข่าว เพราะนายกรัฐมนตรีเองไม่ได้แสดงเจตจำนงอะไร และ พล.อ.ประวิตร ก็ไม่ได้บอกว่าจะลาออก แสดงว่าน่าจะมีการปล่อยข่าวออกมา แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นคนปล่อย
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าข่าวที่ออกมาเป็นการเสี้ยมให้เกิดความขัดแย้งหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า “ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น มีทั้งเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ ข่าวอย่างนี้ก็มีมาอยู่ตลอดเวลา”
เมื่อถามว่า ดูท่าทีนายกรัฐมนตรีอยากมาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า “ดูเหมือนไม่มี”
เมื่อถามย้ำว่าคนในพรรคอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ มาเป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า “ผมตอบแทนไม่ได้ ยังไม่รู้เลย”
ส่วน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เรื่องนี้ส่วนตัวไม่ทราบจริงๆ เท่าที่อยู่ใน พปชร. ยังไม่เคยมีการพูดคุย หรือได้ข่าวในเรื่องดังกล่าว น่าจะไปสอบถามแหล่งข่าวหรือนักข่าวที่เสนอข่าวนี้ออกมาเป็นคนแรกว่าไปเอาข่าวมาจากไหน แต่ยืนยันว่าภายในพรรคไม่มีเรื่องนี้และไม่เคยได้ยิน แต่ในหลักการหากในพรรคจะมีการปรับเปลี่ยนอะไร ก็ต้องมีการพูดคุยกัน แต่วันนี้ยังไม่มีเรื่องดังกล่าว อีกทั้งบรรยากาศภายในพรรคยังเป็นไปได้ดี ยังทำงานได้ราบรื่นอยู่ เห็นได้จากการลงมติในร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ก็ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย ไม่ได้มีปัญหาอะไร แสดงให้เห็นว่าการทำงานของคณะรัฐมนตรีและพรรคร่วมรัฐบาลยังเป็นไปด้วยดีอยู่ไม่มีความขัดแย้ง ขอร้องอย่าไปคิดมาก