ดีเอสไอ บูรณาการกรมป่าไม้ บินโดรนสำรวจป่าควนช้าง เขาทองหลาง พังงา 5,000 ไร่ พบมีที่ดินรุกล้ำในเขตป่าไม้ถาวร รออก นส.3 ก 100 ไร่ สร้างรีสอร์ท สั่งเร่งตรวจสอบวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศย้อนหลัง ออกเอกสารสิทธิ์ชอบด้วยกม.หรือไม่ หลังผู้ใหญ่บ้านยันมีนายทุนกว้านซื้อที่ดิน บุกรุกทำลายป่าต้นน้ำ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2565 นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ พร้อมด้วย ร้อยตำรวจเอก ปิยะ รักสกุล ผู้อำนวยการกองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน นายศุภชัย คำคุ้ม ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษ เขตพื้นที่ 8 นางญาณิณี เกียรติไพบูลย์ ผู้อำนวยการส่วนประชาสัมพันธ์และรองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการแผนที่และภูมิสารสนเทศ กองเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับ นายนฤเศรษฐ แก้วคง ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 4 ภาคใต้ นายยงยศ หล่อสุวรรณ ผู้อำนวยการส่วนรักษาป่าและควบคุมไฟป่า สาขากระบี่ กรมป่าไม้ นายสมพร เที่ยงแท้ หัวหน้าฝ่ายช่างรังวัด สำนักงานที่ดินจังหวัดพังงา สาขาตะกั่วทุ่ง กรมที่ดิน นายก้อเดช ช่อแตง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 บ้านหินร่ม บูรณาการร่วมกันตรวจสอบที่ดิน กรณี กลุ่มบุคคลร่วมกันบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ถาวร ป่าควนช้างเขาทองหลาง บริเวณหมู่ที่ 2 ตำบลคลองเคียน อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา (เลขสืบสวนที่ 87/2565)
ทั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการแผนที่และภูมิสารสนเทศ นำอากาศยานไร้คนขับ บินสำรวจพื้นที่ป่าไม้ถาวรในบริเวณดังกล่าว โดยบินรอบภูเขาทั้งหมด เนื้อที่ประมาณ 5,000 ไร่ เพื่อจัดทำแผนที่สำหรับการจัดทำระวางแปลงเอกสารสิทธิ์ที่ดิน จากการตรวจสอบกับสำนักงานที่ดินจังหวัดพังงา พบมีการออกเอกสารสิทธิ์ น.ส.3 แล้ว เมื่อปี 2519 - 2520 จึงต้องมีการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ์ว่าออกโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ข้อมูลจากการบินสำรวจอากาศยานไร้คนขับ พบว่า
1. พื้นที่ดังกล่าวมีสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาที่มีความลาดชันสูง บางส่วนเกินกว่า 35 เปอร์เซ็นต์ คาบเกี่ยว อยู่ในเขตป่าไม้ถาวร บริเวณดังกล่าวทำประโยชน์เป็นรีสอร์ท โดยบางส่วนอยู่ระหว่างการแผ้วถาง ปรับพื้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว บางส่วนเป็นสวนยาง บางส่วนมีสภาพเป็นป่าธรรมชาติ และมีการตัดถนนเข้าไปในพื้นที่ภูเขา นอกจากนี้ ยังพบการสร้างฝายกั้นทางน้ำ เพื่อสร้างเป็นอ่างเก็บน้ำ
2. เมื่อตรวจสอบกับระวางรูปถ่ายทางอากาศ (นส.3 ก) ของกรมที่ดิน เบื้องต้นพบว่า มีพื้นที่บางส่วนออกเอกสารสิทธิ์รุกล้ำเข้าไปในเขตป่าไม้ถาวร โดยบริเวณที่มีการตัดถนน พบว่าอยู่ในเขตป่าไม้ถาวรทั้งแปลง และยังพบว่า มีเอกสารสิทธิ์เป็น นส.3 ก เนื้อที่ประมาณ 100 ไร่
3. การสำรวจด้วยอากาศยานไร้คนขับ ใช้อากาศยานขนิดทำแผนที่แบบความถูกต้องสูง สามารถเชื่อมโยงกับระบบการรังวัดเครือข่ายดาวเทียมแบบจลน์ RTK GNSS Network ของกรมที่ดิน ทำให้แผนที่อยู่ในระบบเดียวกันกับ กรมที่ดินและมีความถูกต้องสูง เพื่อใช้ตรวจสอบแนวเขตการรุกล้ำพื้นที่ของรัฐได้อย่างชัดเจน
หลังจากนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะทำการวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศย้อนหลัง เพื่อตรวจสอบการทำ ประโยขน์ในที่ดิน ว่ามีการออกเอกสารสิทธิชอบหรือไม่อย่างไร
ขณะที่ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษรับคดีนี้มาดำเนินการสืบสวน ในวันนี้จึงได้ลงมาตรวจสอบพื้นที่ในภาพรวม ตรวจสอบข้อมูลเอกสารสิทธิ และเชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำ การตรวจสอบพื้นที่ได้ให้เจ้าหน้าที่ศูนย์แผนที่ฯ นำอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) มาบินสำรวจฯ โดยได้พบเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ยืนยันว่าในพื้นที่เป็นเขตป่าไม้ถาวรและพบผู้ใหญ่บ้านผู้ปกครองท้องที่ ยืนยันว่านายทุนได้กว้านซื้อที่ดิน และบุกรุกทำลายป่าต้นน้ำ จึงได้สั่งการให้ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 8 เร่งดำเนินการสืบสวนให้ได้ความจริงมากที่สุด เพื่อทวงคืนสาธารณสมบัติประเทศ ให้กลับมาเป็นของส่วนรวม และให้รายงานผลให้ทราบโดยเร็วต่อไป