สธ.เผยหลายจังหวัดฉีดวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้นต่ำกว่าเป้า คนถึงกำหนดต้องฉีดมารับวัคซีนแค่ครึ่งเดียว ย้ำทุกคนต้องช่วยกันรับบูสเตอร์โดสให้ได้ 60% รองรับการเข้าสู่โรคประจำถิ่น กลับมาใช้ชีวิตได้ปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 2565 นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์โรคโควิด 19 ของไทยนั้น ผู้ติดเชื้อรายใหม่ ผู้ป่วยปอดอักเสบ ใส่ท่อช่วยหายใจ และเสียชีวิต ลดลงอย่างต่อเนื่อง ภาพรวมอยู่ในช่วงระยะขาลงทั้งประเทศ มาตรการต่าง ๆ เริ่มผ่อนปรนลงมา เช่น เปิดสถานบันเทิงใน 31 จังหวัดที่ผ่านเกณฑ์บริหารจัดการสถานการณ์โควิด 19 ได้ดี ซึ่งการเปลี่ยนผ่านโรคโควิด 19 ไปสู่โรคประจำถิ่นนั้น หนึ่งในมาตรการที่สำคัญ คือ รับวัคซีนทั้งเข็มปกติและเข็มกระตุ้นครอบคลุมทุกกลุ่ม (Universal Vaccination) แต่ละจังหวัดต้องมีความครอบคลุมเข็มกระตุ้นไม่น้อยกว่า 60%
"ปัจจุบันมีข้อมูลวิจัยจากต่างประเทศและจากการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ไทยพบว่า เมื่อฉีดวัคซีนแล้ว 4-6 เดือน ภูมิคุ้มกันจะลดลงต้องฉีดเข็มกระตุ้นจึงจะสามารถป้องกันการติดเชื้อ การป่วยหนักและเสียชีวิตได้ดี" นพ.โสภณกล่าว
นพ.โสภณกล่าวว่า แต่จากข้อมูลวันที่ 2 มิ.ย. 2565 มีผู้ที่ครบกำหนดฉีดเข็มกระตุ้นมารับการฉีดประมาณครึ่งหนึ่งเท่านั้น โดยพบว่า 20 จังหวัดที่ประชาชนฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นได้น้อยเปรียบเทียบกับจำนวนประชากรที่ถึงกำหนดรับเข็มกระตุ้นแล้ว ได้แก่ นราธิวาส, ปัตตานี, สตูล, ยะลา, บึงกาฬ, สกลนคร, หนองบัวลำภู, นครศรีธรรมราช, ชุมพร, กระบี่, พัทลุง, ตรัง, เลย, กาฬสินธุ์, แม่ฮ่องสอน, สระแก้ว, หนองคาย, มุกดาหาร, สุราษฎร์ธานี และจันทบุรี จึงต้องเร่งสื่อสาร ชวนประชาชนให้มารับวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อให้ทุกคนมีภูมิคุ้มกันเพิ่มมากขึ้นเพียงพอ รองรับการเปิดประเทศและใช้ชีวิตได้เป็นปกติและมีความปลอดภัยมากขึ้น
นพ.โสภณกล่าวว่า ขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีแผนจัดส่งวัคซีนโควิด 19 ไปยัง รพ.สต. เพื่อให้สะดวกกับคนที่อยู่ห่างไกลพาผู้สูงอายุและผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงไปฉีดวัคซีนใกล้บ้าน และให้บริการแบบ walk in รพ.สต.หลายแห่งร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสำรวจคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีน และจัดบริการเชิงรุกถึงบ้าน
"ถึงเวลาแล้วที่ทุกภาคส่วนและประชาชนต้องร่วมมือกันในช่วงเวลาที่สำคัญเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต่อโควิด 19 ให้เพียงพอ โดยมีวัคซีนเข็มกระตุ้นครอบคลุมอย่างน้อย 60% หากไม่ช่วยกันระดมกำลังและจัดวัคซีนไว้พร้อมบริการในทุกพื้นที่ อาจจะส่งผลกระทบต่อแผนการเปลี่ยนผ่านโรคโควิด 19 ไปสู่โรคประจำถิ่นได้ ขอให้ทุกจังหวัดเร่งสื่อสารถึงประโยชน์และความจำเป็นของวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่โรคประจำถิ่น ผู้คนจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติและปลอดภัย” นพ.โสภณ กล่าว