'บิ๊กตู่'พบคนไทยในสหรัฐฯ โชว์ผลงาน 8 ปี โวทำไทยโชติช่วงชัชวาลเหมือน 'ป๋าเปรม' เตือนโลกเปลี่ยนเร็ว แนะเสพโซเชียลอย่างมีสติ ย้ำเป็นนักการเมืองด้วยความจำเป็น ทำงานหลายปีผ่านมาด้วยความอดทน เจอทั้งคนดีคนชั่ว ปลดออกไล่ออกไปเยอะ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ค.2565 เวลา 19.48 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางถึงท่าอากาศยานฐานทัพร่วมแอนดรูส์ รัฐแมริแลนด์ สหรัฐอเมริกา ในวันนี้ (11 พ.ค.65) เวลาประมาณ 18.55 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 11 ชั่วโมง หรือตรงกับวันที่ 12 พ.ค.65 เวลา 06.00 น. ตามเวลาประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐอเมริกา สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2 ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 12-13 พฤษภาคม 2565 ตามคำเชิญของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ ได้พบปะชุมชนไทยในสหรัฐอเมริกา ณ กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา พร้อมกล่าวตอนหนึ่งว่า เมื่อวานได้พบปะกับหัวหน้าคณะที่มาต้อนรับ ได้รับทราบถึงปัญหาที่นี่ เบื้องต้นมอบหมายให้นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ รับเรื่องไปประสานงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง แรงงานที่เข้ามาทำงานอย่างผิดกฎหมายหรือเรื่องขอวีซ่า วันนี้เราอยู่ท่ามกลางคนไทยด้วยกัน ไม่ว่าจะอยู่ไหนเราก็ต้องรักกัน วันนี้อยากพบพวกเรา มาคุยกับพวกเรา สิ่งสำคัญคือต้องการให้เป็นกำลังใจให้นายกรัฐมนตรีที่จะต้องไปพบพูดคุยอีกหลายเวที เพื่อทำให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้าได้ เราค่อนข้างมีศักยภาพในอาเซียน หลายคนมองเราเป็นแกนกลางอาเซียน เพราะเรามีคน มีพื้นที่ มีความเจริญเติบโตค่อนข้างรวดเร็วขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า สิ่งที่เราเจอกันวันนี้ สิ่งแรกคือยินดี และฝากไว้ด้วยว่าทุกคนเป็นตัวแทนของคนไทยในต่างประเทศซึ่งมี 2 หน้าที่ คือ หน้าที่เพื่อแผ่นดินเกิด และหน้าที่ที่มีต่อประเทศที่มาอยู่อาศัย และจะต้องคิดว่าทำอย่างไรให้ลูกหลานไม่ให้ลืมบ้านเกิดเมืองนอน ต้นตระกูลของพวกเรา วันนี้โลกเปลี่ยนแปลงจากเทคโนโลยี ทำทุกอย่างวุ่นวายไปหมด การทำงานไม่ได้ง่าย สิ่งสำคัญเราต้องมีภูมิคุ้มกันในการเสพ อ่าน หรือเชื่ออะไรก็แล้วแต่ ตนเข้ามาทำงานอยู่หลายปี ผ่านวันเวลาเหล่านั้นมาอย่างอดทน อดทนเพื่อให้ทุกอย่างมันดีขึ้น สุดแล้วแต่ว่าประชาชนจะว่าอย่างไร ตนพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด คือ ต้องไม่ทุจริต ไม่แสวงหาผลประโยชน์ ไม่ทำอะไรที่ผิด
“ผมทำเพื่อคนไทยทั้งประเทศ ไม่ได้ทำเพื่อผม เพื่อตระกูลผมหรือเพื่อใครสักคนหนึ่ง ผมไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว ผมรับราชการมาจนเกษียณอายุราชการด้วยความภาคภูมิใจ จากนี้เป็นนักการเมืองด้วยความจำเป็น ก็สุดแล้วแต่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า การเดินทางครั้งนี้มาประชุมอาเซียนสมัยพิเศษ หลายคนจับตามองว่านายกรัฐมนตรีจะพูดอะไร จะอยู่ข้างไหน จะไปอยู่อะไรกับใคร เราจะไปอยู่กับใครได้ เราก็ต้องทำต้องทำให้ดีที่สุด ทำอย่างไรไม่ให้ประเทศเสียหาย ขณะเดียวกันต้องเคารพกติกาเขาด้วย หลักการของเราไม่ขัดแย้งอะไรกับใครทั้งสิ้น ทั้งนี้ เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 45 ปีอาเซียน-สหรัฐฯ ถือเป็นครั้งที่ 2 ที่เรามาประชุม และมีเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างไทย-สหรัฐฯที่มียาวนานกว่า 200 ปี เราคุยมาคุยเรื่องความร่วมมือหลากหลายมิติ การค้า การลงทุน การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เศรษฐกิจดิจิทัล สิ่งแวดล้อม และอื่นๆอีกมากมาย นอกจากนั้น เรายังมีกำหนดการพูดคุยนักธุรกิจสหรัฐฯเพื่อเชิญชวนการลงทุนในไทย โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดของรัฐบาลคือจะทำอย่างไรในการดูแลประชาชนทั้งในและต่างประเทศให้ดีที่สุด ในประเทศก็พอทำได้ ต่างประเทศก็ต้องเจรจากันมากหน่อย ในประเทศบางทีเจรจาไม่รู้เรื่อง เพราะมีปัญหาคน มนุษย์ที่เรียกว่าคน เพราะเวลาเราใส่อะไรลงไปในหม้อพอคนแล้วมั่วกันไปหมด เละไปหมด เพราะความคิดแตกต่าง ตนห้ามใครไม่ได้ แต่เราต้องมีภูมิคุ้มกันในการเสพ ฟัง เชื่อ หรืออ่านสิ่งต่างๆ
“เช้ามานี้ท่านลองเปิดอ่านดู ก็ด่าผมไปแล้วครึ่งหนึ่ง แต่ผมก็สบายใจ อยากจะด่าก็ด่า เพราะผมไม่ได้เป็นอย่างที่เขาว่า สิ่งที่ผมทำก็ไม่เห็นชมผมเลย แต่ผมไม่ได้ต้องการคำชมเชย แต่ต้องการให้เห็นว่าไทยเจริญมาอย่างไรแล้วตอนนี้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า สถานการณ์โควิดวันนี้เริ่มผ่อนคลาย การเปิดพรมแดนประเทศทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้นคาดว่าถึงสิ้นจะมีมากถึง 2-5 ล้านคน หากต่อเนื่องไปไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปีหน้าก็อาจจะมีนักท่องเที่ยวมากกว่า 10 ล้านคน ก็ต้องขอบคุณบุคลากรแพทย์และทุกภาคส่วนที่ช่วยกันร่วมมือ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งถึงเรื่องความรักความสามัคคีว่า จะนำเรื่องที่พบปะคนไทยในต่างประเทศไปเล่าให้ที่ไทยฟัง ว่านั่งกันเรียบร้อย ยิ้มหวาน แต่ของ กทม.พร้อมจะตีกันทุกวัน บางเรื่องไม่ใช่เรื่องจริง ผู้นำหลายประเทศก็เจอในโซเชียลมีเดีย เพราะเป็นช่องทางใหม่ที่ใครก็เป็นนักข่าว เป็นตำรวจ สามารถแสดงความเห็นกันหมด แล้วคนก็เชื่อ คนทำงานแทบตายก็ผิดหมด
“เราต้องมีภูมิคุ้มกันที่ดี คนไม่ดีมันก็มี วันนี้นายกรัฐมนตรีก็ปลดทิ้งไล่ออกไปเยอะแล้ว ก็ต้องมีทุกคน คนดีคนชั่ว ไม่ดีก็ไม่เอาไว้ ตราบใดที่ผู้นำเรา หรือพวกเราไม่ทุจริต ก็ทำได้หมด ฉะนั้นนายกรัฐมนตรีไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น จะว่าก็ว่าไปเถอะ ไล่ได้ก็ไล่ไป ที่อยู่ทุกวันนี้เพราะต้องการจะทำให้ดีที่สุด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า โอกาสนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เล่าถึงผลงานรัฐบาลที่ทำมาตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน สร้างถนนเพิ่มจาก 4,271 กิโลเมตร เป็น 11,583 กิโลเมตร สร้างมอเตอร์เวย์ 3 เส้นทางหลัก การพัฒนารถไฟทางคู่ หลายโครงการที่พยายามทำคือการสร้างแหล่งอุตสาหกรรมใหม่ สร้างรายได้ใหม่ให้ประเทศทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้ำว่า สิ่งเหล่านี้พยายามทำให้เหมือนยุคโชติช่วงชัชวาล สมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
“ผมทำให้ทุกภูมิภาค ไม่ใช่ว่ารัฐบาลนี้ ตรงนี้ไม่ใช่พวกผม ผมไม่ให้ แต่ผมให้ทุกจังหวัด ให้ทุกภาค ให้ทุกพรรค ผมเอาข้อมูลมาดูว่าขาดตรงไหน ไม่สนใจว่าเป็นของใคร ประชาชนได้ประโยชน์ ผมก็สั่งให้ทำโครงการขึ้นมา มันถึงเกิดขึ้น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว