ศบค. ย้ำ สธ.ลดระดับเตือนภัยโควิด-19 ยังไม่ถึงขั้นผ่อนคลายให้ใช้ชีวิตตามปกติ ส่วนภาพรววมประเทศลดลง ขณะที่ชุดใหญ่จ่อประชุมพิจารณาลงทะเบียน 'Thailand Pass' 20 พ.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2565 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด- 19 (ศบค.) กล่าวถึงประเด็น สธ. ลดระดับเตือนภัยทุกจังหวัดจากระดับ 4 เป็นระดับ 3 ว่า เป็นการพิจารณาให้สอดคล้องกับสถานการณ์การติดเชื้อทั่วโลกและประเทศไทย ไม่ว่าจะการติดเชื้อ ภาวะปอดอักเสบ ใส่เครื่องช่วยหายใจ แนวโน้มลดลงและทรงตัว
ในช่วงการประเมินเป็นระดับ 3 สธ. มีการระบุในการประเมินเปิดกิจการกิจกรรม จากการผ่านช่วงล็อกดาวน์ ซึ่งขณะนั้นเป็นการเตือนภัยระดับ 5 สูงสุด หลังจากนั้น ลดมาเป็นระดับ 4 ที่ยังมีการปิดสถานที่เสี่ยงสูง สถานประกอบการบางประเภท และโรงเรียน
"การที่ สธ. ประกาศเป็นระดับ 3 ยังต้องเฝ้าระวังสูง ยังจำกัดการรวมกลุ่มและยังไม่ถึงขั้นผ่อนคลาย ที่ประชาชนจะใช้ชีวิตได้ตามปกติ ในบางพื้นที่ยังมีการรายงานติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน จากการผ่อนคลายมาตรการเร็วเกินไป หรือ ประชาชน นักท่องเที่ยว ลดหย่อนมาตรการ ย้ำว่าเรายังอยู่ระดับ 3" พญ.อภิสมัยกล่าว
พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน สถานการณ์ในต่างประเทศ เราไม่สามารถยึดประเทศใดเป็นต้นแบบได้ เพราะพี่น้องประชาชนหลายส่วน มีการนำข่าวมานำเสนอว่าผับบาร์ในประเทศต่างๆ เปิด บางประเทศไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัย เน้นย้ำว่าต้องยึดประกาศของ ศบค. และ สธ. ไทย เป็นหลัก
เนื่องจากแต่ละประเทศแม้ผ่อนคลาย แต่การติดเชื้อสูง เช่น สหรัฐ ติดเชื้อกว่า 83.9 ล้านราย เสียชีวิตราว 1 ล้านราย เสียชีวิตรายใหม่ 226 ราย เยอรมนี เสียชิวต 227 ราย อิตาลี 115 ราย บลาซิล 111 ราย ดังนั้น เราติดตามสถานการณ์โลกได้แต่ต้องปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์บ้านเรา
ขณะที่ เอเชีย เช่น เกาหลีใต้ ติดเชื้อรายใหม่ 4.3 หมื่นราย เสียชีวิต 29 ราย ญี่ปุ่น ติดเชื้อรายใหม่ 3.9 หมื่นราย เสียชีวิต 51 ราย จะเห็นว่า การติดเชื้อสูง แต่อัตราตายต่ำ เพราะการฉีดวัคซีนครอบคลุมค่อนข้างสูง ประชาชนไทย ที่เริ่มมีการเดินทางไปหลายประเทศ ต้องยึดมาตรการของ สธ. ไทยเป็นหลัก เช่น คนไทยจะไป ยุโปร สหรัฐ เห็นว่าประเทศเหล่านั้นไม่สวมหน้ากากอนามัย จึงไม่สวมด้วย กลับมาพบการติดเชื้อในที่สุด
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ในที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กได้มีการหารือถึงการเปิดภาคเรียนในวันที่ 17 พ.ค. โดยกระทรวงศึกษาธิการได้แจ้งข้อมูลการฉีดวัคซีนของเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 5,114,503 ราย มีความประสงค์ฉีดวัคซีน 4,474,211 ราย ฉีดเข็มที่หนึ่ง 4,274,155 ราย ฉีดเข็มที่สอง 3,511,087 ราย ฉีดเข็มที่สาม 56,167 ราย ส่วนเด็กอายุ 5-12 ปี มีทั้งสิ้น 5,263,106 ราย ประสงค์ฉีดวัคซีน 3,369,572 ราย ฉีดเข็มที่หนึ่ง 1,785,414 ราย ฉีดเข็มที่สอง 296,209 ราย เราจึงขอให้โรงเรียนต่างๆ ติดตามเด็กที่ยังไม่ได้รับวัคซีนให้เข้ามารับวัคซีน รวมถึงบุคลากรภายในโรงเรียนด้วย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ความพร้อมของแต่ละโรงเรียนแตกต่างกัน อาจมีมาตรการที่แตกต่างกัน บางแห่งอาจเปิดออนไซต์ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ที่ไหนยังไม่พร้อม นักเรียนยังฉีดวัคซีนไม่ครบถ้วน สามารถจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ได้ อยู่ที่การพิจารณาของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ในการประชุม ศบค.ชุดใหญ่วันที่ 20 พ.ค. จะมีการหารือถึงปัญหาและอุปสรรคหลังจากมีการเปิดด่านผ่านแดนถาวร ส่วนเรื่องระบบไทยแลนด์พาส ยังคงมาตรการอยู่ และพบว่าตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ที่มีการผ่อนคลายมาตรการ มีจำนวนผู้เดินทางเข้าประเทศเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม โดยในการประชุม ศบค.วันดังกล่าวอาจมีหารือเรื่องไทยแลนด์พาสว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรหรือไม่ ต้องหารือกันก่อน