'ษิทรา'พาผู้เสียหาย6 ราย ถูก 'ปริญญ์' ลวนลาม-ข่มขืนเข้าแจ้งความที่ สน.ลุมพินี จนถึงปัจจุบันมีคดีรวม 14 ราย ขณะที่ตำรวจนำหมายศาลบุกค้นห้องของ 'ปริญญ์' บนคอนโดหรู ย่านสุขุมวิทซอย 3 หลังผู้เสียหายหลายราย อ้างว่าเป็นสถานที่ถูกล่อลวง ด้าน 'ลูกนัท-แอนนา' ร่วมชี้จุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2565 เวลา 16.30 น. พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. พร้อมด้วยตำรวจ สน.ลุมพินี และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน นำหมายค้นของศาล เข้าตรวจค้นห้องพักคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ในสุขุมวิทซอย 3 ซอยย่อยนานาเหนือ เพื่อเก็บหลักฐานเพิ่มเติม หลังมีเหยื่อสาวหลายราย อ้างว่าเป็นสถานที่ที่ถูก นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ล่อลวงมาข่มขืนกระทำชำเรา หลังนัดไปทานอาหารที่ร้านอาหารชั้นดาดฟ้าในละแวกเดียวกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของคอนโด ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปภายใน โดยให้รออยู่หน้าทางเข้าออกเท่านั้น
โดยนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ไฮโซลูกนัท และ น.ส.หทัยรัตน์ ธนากิจอำนวย หรือ แอนนา เป็นเหยื่อในคดีนี้ ได้เดินทางมาด้วยรถสปอร์ตหรู
นายธนัตถ์ เปิดเผยว่า วันนี้มาชี้จุดเกิดเหตุตามนัดหมายของเจ้าหน้าที่ ที่เพิ่งโทรศัพท์มานัดตอนครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ แต่ตนยังไม่ได้ขึ้นไป เนื่องจากเจ้าหน้าที่จะให้มาดูโรงแรมแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ปากซอย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ใช้นัดหมายเหยื่อมาพูดคุย แต่ปกติแล้ว โรงแรมแห่งนี้ จะใช้เป็นสถานที่นัดพบกับผู้หญิงขายบริการ โดยตนมีความกังวลกับการทำงานของตำรวจ เนื่องจากวานนี้ไปยื่นคำร้องขอคัดค้านการประกันตัวนายปริญญ์ ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ แต่กลับไม่เป็นผล เหมือนเป็นการกลั่นแกล้งให้เสียเวลา
อีกทั้ง เจ้าหน้าที่นยังโทรศัพท์มารบกวนหลายครั้งว่าจะแจ้งเวลาชี้จุดเกิดเหตุให้ทราบ แต่เมื่อตนมาถึง กลับไม่ให้ตนขึ้นไป อ้างว่าจะเป็นผลกับรูปคดี ให้รอเก็บหลักฐานเสร็จแล้วจึงจะขึ้นไปได้ ตนก็ให้เหตุผลว่าจะขึ้นไปทำลายหลักฐานตัวเองเพื่ออะไร ยืนยันว่าไม่มั่นใจในกระบวนการยุติธรรม แต่มั่นใจในประชาชน สื่อมวลชนและทีมงานที่ตนแต่งตั้งเอง
ต่อมาเวลา 17.00 น. ผู้สื่อข่าวรายว่า พ.ต.อ.นิมิตร นูโพนทอง ผกก.สน.ลุมพินี ได้ชี้แจงกับ นายธนัตถ์ และ น.ส.หทัยรัตน์ แต่นายธนัตถ์ได้ตะโกนทำนองว่า เหตุใดต้องให้ภรรยาของตนมาที่นี่ถึงสองครั้ง ตนไม่สน ตนจะขึ้นไป หากคำพูดต่อไปไม่ใช่การให้ผู้เสียหายขึ้นไปจุดเกิดเหตุ ก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว ไอ้ขี้ข้าเผด็จการ
เมื่อเวลา 17.15 น. พล.ต.ต.ไตรรงค์ ได้เดินทางกลับโดยระบุสั้นๆ ว่า จะแถลงผลการตรวจค้นที่ สน.ลุมพินี
ในเวลา 17.25 น. นายธนัตถ์ และ น.ส.หทัยรัตน์ ได้เดินทางกลับ พร้อมเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้ถือหมายศาลลงมาให้ดูแล้ว แต่ไม่ได้ถ่ายรูปเป็นหลักฐานในฐานะผู้กล่าวหา สรุปว่าวันนี้ เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้พวกตนขึ้นไปดูห้องที่เกิดเหตุ ซึ่งภรรยาของตนนั้นมีอาการจิตตกไปแล้ว ทุกคนต้องรับผิดชอบ
ขณะที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายธนัตถ์ และ น.ส.หทัยรัตน์ กำลังจะเดินทางกลับ ได้จอดรถยนต์ขวางทางเข้าออกคอนโดไว้ พร้อมตะโกนให้ผู้อื่นหลีกทาง แม้แต่เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และชูนิ้วกลางใส่ จนเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หนักฐานต้องเป็นฝ่ายถอยรถออกเพื่อเปิดทางเข้าออก
ต่อมาเวลา 17.35 น. พ.ต.อ.นิมิตร เปิดเผยว่า หมายค้นจากศาลในการเข้าตรวจค้นที่เกิดเหตุวันนี้ ระบุเพียงรายชื่อเจ้าหนักงานเท่านั้น ผู้เสียหายจคงไม่สามารถเข้าไปยังที่เกิดเหตุได้ เนื่องจากไม่มีรายชื่ออยู่ในหมายค้น โดยวันนี้ได้ประสานผู้เสียหายมาเพื่อยืนยันความถูกต้องของสถานที่ ว่าที่เกิดเหตุเป็นอาคารดังกล่าวหรือไม่ และประสานกองพิสูจน์หลักฐานมาบันทึกภาพที่เกิดเหตุเพื่อทำรายงาน ก่อนจะเรียกผู้เสียหายมายืนยันตามสิทธิ์ คาดว่าสาเหตุที่ผู้เสียไม่พอใจนั้น เกิดจากความไม่เข้าใจ เพราะที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมาย
'ษิทรา'พาผู้เสียหาย 6 รายเข้าแจ้งความถูก'ปริญญ์'ลวนลาม-ข่มขืน
เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ พาผู้เสียหาย 6 ราย ทยอยเข้าแจ้งความที่ สน.ลุมพินี อย่างต่อเนื่อง
โดยผู้เสียหายรายที่ 9 เป็นหญิงอายุ 26 ปี ประกอบธุรกิจส่วนตัว ถูกผู้ก่อเหตุกระทำการลวนลาม เมื่อวันที่ 13 พ.ย.2563 ที่คอนโดทาวเวอร์พาร์ค โดยผู้เสียหายรู้จักกับผู้ก่อเหตุจากการไปงานต้อนรับรองหัวหน้าพรรค จากนั้นผู้เสียหายได้เดินทางมา กทม. โดยผู้ก่อเหตุหลอกว่าจะพาไปรับประทานอาหาร แต่เมื่อไปถึง กลับเป็นห้องคอนโด ซึ่งผู้ก่อเหตุได้ชักชวนให้ดื่มแอลกอฮอลล์ ร้องคาราโอเกะและให้มานั่งใกล้ๆ จากนั้นจึงกระทำอนาจารผู้เสียหาย ทั้งนี้ ผู้เสียหายเคยแจ้งความที่ สน.ลุมพินี เมื่อวันที่ 13 พ.ย.2563 แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า ผู้เสียหายจึงเดินทางเข้ามาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดี
ต่อมาเวลา 18.00 น. นายษิทราพาผู้เสียหายรายที่ 10 เข้าแจ้งความ พร้อมเปิดเผยว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องไม่รู้จะแจ้งความอย่างไร จนได้ติดตามข่าว จึงเริ่มเดินทางมาแจ้งความ รู้สึกว่าต้องการได้รับการชดเชยสิ่งที่ผ่านมา เพราะหลังเกิดเรื่องรู้สึกอาย และอดทนอยู่อย่างเงียบๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเริ่มจากหลังงานบรรยาย ผู้ก่อเหตุได้ให้รายชื่อติดต่อ และบอกว่ายินดีให้คำปรึกษาด้านธุรกิจ ตนสนใจทำธุรกิจจึงติดต่อไป เมื่อเดินทางไปถึงห้องทำงานที่เกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุพยายามเชิญชวนให้ดื่มแอลกอฮอลล์ อ้างว่าจะทำให้การพูดคุยราบรื่น แต่เมื่อตนดื่มไปสักระยะรู้สึกแปลกๆ แต่ถูกบังคับให้ดื่มต่อจนหมดแก้ว จากนั้นจึงเริ่มถูกจับมือ จับแขน และถูกข่มขืน เมื่อตื่นมาเช้าวันรุ่งขึ้น พบว่า ตนนอนอยู่ข้างป้อม รปภ. หลังเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุยังโทรมาพูดคุยตามปกติ แต่ตนตัดสินใจไม่รับสายและปิดกั้นช่องทางการติดต่อทั้งหมด สุดท้ายนี้ อยากฝากไปถึงผู้ก่อเหตุ ให้ถูกดำเนินคดีถึงที่สุด ชดใช้กรรมในคุก ส่วนตัวรู้สึกขยะแขยงทุกครั้งที่เห็นชายคนดังกล่าวทำหน้าที่วิทยากร โดยเหตุการ์ณเกิดตั้งแต่ ปี 2559
ขณะที่ผู้เสียหายรายที่ 11 เปิดเผยว่า รู้จักกับผู้ก่อเหตุตั้งแต่ปี 2556 แต่เหตุเกิดปี 2557 ถูกล่อลวงไปที่พักที่อ้างว่าเป็นสำนักงาน ทั้งที่ตนยืนยันว่าจะพบเจอที่สาธารณะ แต่ผู้ก่อเหตุยืนยันว่าต้องกลับไปเอาของ เมื่อตนไปถึงจึงพบว่าเป็นห้องนอน โดยผู้ก่อเหตุได้ปิดประตูห้องและเริ่มลวนลาม ตนจึงอ้างเหตุผลทุกอย่าง เช่น เป็นประจำเดือน และพยายามขัดขืน แต่ไม่สำเร็จ สุดท้ายเมื่อถูกข่มขืน ตนบอกว่าจะแจ้งความ แต่ผู้ก่อเหตุกลับเยาะเย้ยทำนองว่าจะทำอะไรได้ ทั้งนี้ ยืนยันว่าผู้เสียหายทุกคนไม่รู้จักกันมาก่อน แต่พูดตรงกัน หลังเกิดเหตุตนรู้สึกด้อยค่าตนเอง แต่วันนี้รู้สึกได้ปลดล็อคความรู้สึก ที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดเรื่อง ตนป่วยเป็นโรคซึมเศร้า และไม่แปลกใจที่ผู้ก่อเหตุจะปฏิเสธ
ขณะที่นายษิทรา เปิดเผยว่า ผู้เสียหายรายที่ 12 รู้จักกับผู้ก่อเหตุในงานสัมมนาที่ไทย ขณะนั้นผู้เสียหายเป็นนักศึกษา ต่อมาได้พบกันบนรถไฟฟ้า ผู้ก่อเหตุได้ขอไลน์ผู้เสียหายไว้ กระทั่งปี 2560 ผู้เสียหายได้พบกับผู้ก่อเหตุที่ประเทศอังกฤษ และชักชวนไปรับประทานอาหาร ซึ่งผู้ก่อเหตุได้นำไวน์ให้ดื่มเพียงไม่กี่แก้ว ผู้เสียหายก็รู้สึกเหมือนภาพตัด และถูกลวนลาม จึงไปแอบในห้องน้ำ เมื่อพนักงานมาช่วย ผู้เสียหายจึงรีบหนีกลับบ้านทันที
ต่อมาเวลา 18.50 น. นายษิทราพาผู้เสียหายรายที่ 13 เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมเปิดเผยว่า ผู้เสียหายรายนี้อายุ 43 ปี โดยเหตุเกิดเมื่อปี 2550 ขณะที่ผู้เสียหายทำงานในบริษัทต่างชาติ ได้รู้จักกับผู้ก่อเหตุเพราะทำงานตึกเดียวกัน มีการแลกนามบัตร และโทรศัพท์หากัน เมื่อผู้ก่อเหตุชักชวนให้ดื่มกาแฟ มี่ตึกเอ็มไทย ทาวเวอร์ ช่วงกลางวัน ผู้ก่อเหตุได้เข้ามาประชิดตัว จับที่ขา โอบเอว พยายามดึงตัวให้เข้าใกล้ผู้เสียหายจึงพยายามขยับหนี แต่ผู้ก่อเหตุพยายามเอาหน้ามาใกล้ จึงขอตัวกลับ ต่อมา 4-5 วัน ผู้ก่อเหตุ พยายามโทรมาชักชวนขึ้นออฟฟิศ ปรากฏว่าเมื่อขึ้นไปกลับไม่พบใคร ผู้ก่อเหตุได้ปิดไฟห้อง และชวนเข้าห้องประชุม รวมถึงพยายามลวนลาม จูบปากแล้วพูดทำนองว่าพี่ขอ แต่สุดท้ายผู้เสียหายสามารถหลบหนีออกมาได้
จากนั้นเวลา 18.55 น. นายษิทราพาผู้เสียหายรายที่ 14 เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมเปิดเผยว่า ผู้เสียหายรายนี้อายุ 31 ปี เหตุเกิดเมื่อปี 2558 ผู้เสียหายไปสัมภาษณ์งาน และบังเอิญเจอผู้ก่อเหตุ ได้มีการขอข้อมูลสำหรับติดต่อ และไปดื่มแอลกอฮอล์ที่บริเวณตึกออลซีซั่นส์เพลส ผู้ก่อเหตุพยายามลวนลาม หลังเกิดเหตุผู้ก่อเหตุได้พยายามคุยเรื่องงานตลอด กระทั่งวันที่ 20 ก.ค.2558 ผู้ก่อเหตุแจ้งว่าสัมมนาที่โรงแรมเซนต์รีจิส ให้แวะมาคุยงาน ระหว่างนั้น ผู้เสียหายยังมาไม่ถึง ผู้ก่อเหตุได้บอกว่าขอขึ้นไปที่คอนโด จึงให้มาที่ คอนโด 185 ราษฎร์ดำริ ขณะขึ้นไปคอนโดดังกล่าว มีเซลล์ผู้หญิงขึ้นไปด้วย ผู้เสียหายจึงไม่กังวล ขณะที่อยู่ให้ห้องพัก ผู้ก่อเหตุได้คุยกับเซลล์ ส่วนผู้เสียหายถ่ายรูปเล่น แต่เซลล์คนดังกล่าวกลับลงไปโดยที่ผู้เสียไม่ทราบ ผู้ก่อเหตุก็ได้มาสวมกอดจากด้านหลัง แล้วลงมือข่มขืน หลังเกิดเหตุ ผู้เสียหายได้เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์หนี
เมื่อเวลา 19.30 น. พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. แถลงผลการเข้าตรวจค้นห้องพักในคอนโดมิเนียมในสุขุมวิทซอย 3 ซอยย่อยนานาเหนือ เพื่อเก็บหลักฐานเพิ่มเติม หลังมีเหยื่อหลายราย อ้างว่าเป็นสถานที่ที่ถูกอดีตรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่รายหนึ่ง ล่อลวงมาข่มขืนกระทำชำเรา หลังนัดไปทานอาหารที่ร้านอาหารในละแวกเดียวกัน
พล.ต.ต.ไตรรงค์ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้มาให้การเพิ่มเติมทั้งหมด 7 ราย โดยประสงค์เป็นพยาน 2 ราย ได้แก่เจ้าของคลิปเสียงสนทนาที่ปรากฏเป็นข่าว และผู้เสียหายที่ถูกก่อเหตุที่ประเทศอังกฤษ ส่วนอีก 5 ราย เป็นคดีพรากผู้เยาว์และอนาจารเมื่อปี 2561, คดีข่มขืนในสถานที่ทำงานเมื่อปี 2559, คดีกระทำอนาจารภายในห้องพักปี 2563, คดีข่มขืนที่ห้องประชุมปี 2559 และ คดีข่มขืนภายในห้องพักปี 2557 ซึ่งทั้งหมดจะต้องมาพิจารณาว่าแต่ละคดีข้อหานั้นมีอายุการกล่าวโทษอย่างไร โดยคดีที่เกิดขึ้นก่อนปี 2562 จะมีแนวการกำหนดโทษแตกต่างกับคดีที่เกิดขึ้นหลังปี 2562 จึงมีเรื่องของอายุความร้องทุกข์เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งคดีที่เกิดขึ้นหลังปี 2562 จะยอมความไม่ได้ ส่วนใหญ่ที่พบจะเป็นคดีที่เกิดขึ้นก่อนปี 2562 หากคดีใดที่หมดอายุความ เอาผิดไม่ได้ เจ้าหน้าที่ก็จะทำการสอบปากคำ และรวมไว้เป็นพยานหลักฐานสำหรับคดีอื่น
พล.ต.ต.ไตรรงค์ เปิดเผยอีกว่า ส่วนการตรวจค้นที่คอนโดห้องเกิดเหตุนั้นมีประโยชน์ต่อรูปคดี เพราะตามคำให้การของผู้กล่าวหา ว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งได้สอบปากคำไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบเป็นไปอย่างลำบาก เพราะเหตุเกิดนานแล้ว แต่ตำรวจก็จะต้องแสวงหาพยานหลักฐานตามมาตรฐานการปฏิบัติงาน
พล.ต.ต.ไตรรงค์ เปิดเผยอีกว่า ส่วนกรณีที่ผู้เสียหายต้องการไปร่วมชี้จุดนั้นขณะนี้ไม่สามารถทำได้ เพราะเกรงว่าผู้ที่ถูกกล่าวหาอาจไม่ได้รับความเป็นธรรมและจะมีผลต่อรูปคดี โดยการตรวจค้นวันนี้ มีแค่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับคดี กองพิสูจน์หลักฐาน ตัวแทนฝ่ายผู้ต้องหา และผู้แทนนิติบุคคลเจ้าของสถานที่ เพื่อไม่ให้เกิดข้อโต้แย้งในการพิสูจน์พยานหลักฐาน และไม่ให้เกิดการหักล้างพยานหลักฐาน เจ้าหน้าที่จึงไม่ได้เชิญผู้เสียหายขึ้นไปด้วย ประกอบกับผู้ต้องหาได้ขอคำร้องคุ้มครองโดยศาลมีการระบุด้วยว่าให้เฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี ขึ้นไปดูว่าสถานที่นั้นสอดคล้องไปกับคำให้การของผู้กล่าวหาหรือไม่ โดยศาลได้กำหนดมาตรการคุ้มครองการตรวจค้นของตำรวจในวันนี้ เนื่องจากเกรงว่าจะมีการนำภาพห้องพักไปเผยแพร่ ซึ่งอาจจะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงคำให้การของผู้ต้องหาได้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้นำภาพถ่ายการตรวจค้นที่เกิดเหตุ มาให้ผู้เสียหายดูแทน จึงขอให้มั่นใจว่าการจัดเก็บพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเป็นไปตามมาตรฐาน
พล.ต.ต.ไตรรงค์ เปิดเผยอีกว่า ส่วนกรณีที่มีผู้เสียหายหลายราย อาจจะทำให้ตัวผู้ก่อเหตุคิดหลบหนีออกนอกประเทศนั้น ทางศาลอนุญาตประกันตัวโดยมีการกำหนดเงื่อนไขแล้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ทำหนังสือไปยัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแล้ว
พล.ต.ต.ไตรรงค์ เปิดเผยอีกว่า ส่วนกรณีของ พ.ต.อ. ที่มอบเงินให้กับผู้เสียหายนั้น ยังไม่ได้รับทราบข้อเท็จจริง มีเพียงกระแสข่าวเท่านั้น ส่วนตัวไม่กังวลกับการทำคดีนี้ ตำรวจทำตามอำนาจหน้าที่ทุกขั้นตอน การตรวจค้นที่เกิดเหตุในวันนี้ ก็ได้จัดทำแผนที่เกิดเหตุ และอาจจัดเก็บวัตถุพยานหลักฐานได้ ซึ่งวัตถุพยานหลักฐานก็ไม่ถูกหักล้างความน่าเชื่อถือ เพราะไม่อนุญาตให้บุคคลอื่นเข้าร่วม
พล.ต.ต.ไตรรงค์ เปิดเผยอีกว่า คดีนี้ถือเป็นคดีที่มีผู้เสียหายจำนวนมากต่อผู้ต้องหา 1 ราย ส่วนผู้ที่มาให้การเพิ่มเติมในวันนี้ หลายกรณีอาจจะมีปัญหาในเรื่องอายุความของ หากคดีใดเข้าข่ายก็จะรับคดี และทำการแสวงหาพยานหลักฐาน ถ้าพบว่าเข้าข่ายความผิด ก็จะเรียกผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อหาต่อไป