‘ไทยสร้างไทย’เปิดตัว ‘ศิธา ทิวารี’ ชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. ชูนโยบาย 3P พัฒนาคน สร้างรายได้ ยกระดับเมือง เปลี่ยนข้าราชการให้เป็นข้ารับใช้ประชาชน ด้าน ‘สุดารัตน์’ โวจะยกหนี้ กยศ. 5 หมื่นล้านบาท - ออก พ.ร.ก. 1 ฉบับพักการใช้ใบอนุญาต-กฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการทำมาหากิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 มี.ค.2565 พรรคไทยสร้างไทย แถลงเปิดตัว น.ต.ศิธา ทิวารี ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) พร้อมเปิดตัวผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) 50 เขตที่จะลงสมัครในนามพรรค
โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยว่า คน กทม.คือคนที่ทำให้ตนได้กำเนิดทางการเมืองเมื่อวันที่ 22 มี.ค.2535 เป้นเวลา 30 ปีเต็ม ครึ่งชีวิตที่ได้ทุ่มเทให้กับประชาชน วันนี้ดิฉันและผู้ร่วมอุดมการณ์จำนวนมากได้ร่วมกันก่อร่างสร้างพรรคไทยสร้างไทย เราตั้งใจที่จะให้พรรคเป็นพรรคที่มีประชาชนเป็นเจ้าของตัวจริง ที่จะยืนหยัดในประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สัญญาว่าจะไม่เป็นที่เหยียบยืนให้กับเผด็จการเด็ดขาด
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เหตุผลที่ตัดสินใจสร้างพรรค เพราะ 30 ปีที่ทำงานการเมือง ยังไม่เคยเห็นยุคไหน สมัยไหน ที่ประชาชนเดือดร้อน ทุกข์แสนสาหัส และประเทศต้องตกต่ำอย่างถึงที่สุดแบบในยุคนี้ ปัญหาการเมือง 17 ปีนี้ทำให้ทุกคนทุกข์ยาก เราต้องออกจากความขัดแย้ง การแบ่งขั้วแบ่งฝ่ายเป็นปัญหาหลัก วันนี้พรรคไทยสร้างไทยมุ่งที่จะยุติความขัดแย้ง รับฟังความเห็นต่างทางการเมือง เราต้องจับมือไปด้วยกันเพื่อหาทางออกให้กับประเทศ เพื่อมุ่งสร้างเศรษฐกิจที่ดีให้กับประเทศ ยุติความขัดแย้ง รับฟังความเห็นต่าง มุ่งสร้างเศรษฐกิจให้คนไทยทุกคน
“พรรคไทยสร้างไทยขออาสาทวงคืนเงินในกระเป๋า ความสุข และประชาธิปไตยของประชานที่ถูกปล้นไปหลายปีแล้ว” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวอีกว่า เรามีนโยบายที่จะต้องปลดปล่อยประชาชนออกจากส่งที่กดทับทั้งหมดให้ลุกขึ้นทำมาหากินได้เร็วที่สุด เราจะออกพระราชกำหนด 1 ฉบับ ปลดล็อกพักการใช้ใบอนุญาต ระเบียบ กฎหมาย ที่เป็นอุปสรรคต่อการทำมาหากินของประชาชนทันทีพันกว่าฉบับ สร้างการเข้าถึงแหล่งทุนจากดอกเบี้ย 20% เหลือ 0.5% ต่อเดือน ดูแลคนทั้งแต่เกิดจนแก่ ลดเวลาเรียน เรียนฟรีจนจบปริญญาตรี ยกหนี้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) 5 หมื่นล้านบาท ทั้งหมดนี่คือนโยบายที่ผู้ว่าฯ กทม.จะทำ
ต่อมา น.ต.ศิธา เปิดเผยว่า ตนเข้ามาทำงานการเมืองตั้งแต่ปี 2543 ชนะเลือกเป็น ส.ส.กทม.ที่คลองเตย 2 สมัย ก่อนเกิดรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ไม่ได้ออกสื่อ ไม่ได้ทำการเมืองเบื้องหน้า แต่คนที่คลองเตยทราบดี ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไร ตนลงไปหาประชาชนทันที
สำหรับนโยบายต่างๆ ผู้สมัครทุกคน ผู้ว่าฯ กทม.ทุกสมัยให้เอาปากกามาวง พูดก็แทบจะไม่แตกต่างกัน ส่วนที่แตกต่างคือการมองปัญหาของ กทม. คนที่มองแบบนักการเมืองจะหาทางเกี๊ยะเซี้ยปัญหา ทำแบบไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ ด่าและไปวิจารณ์เฉพาะส่วนที่เขาทำผิด แต่คุณไม่เคยพูดเลยว่า ระบบที่ทำอยู่ทุกวันนี้ มันสนับสนุนให้เกิดการทุจริต การแก้ปัญหาเหล่านี้ต้องทุบตั้งแต่ฐานภูเขา โดยตนแยกนโยบายที่จะทำไว้ เรียกว่า นโยบาย 3P ดังนี้
People หรือผู้คน เรามีความเชื่อว่าผู้คนคือผู้สร้างเมือง เราไม่เชื่อว่าจะมีฮีโร่จากไหนมาเป็นผู้ว่าฯ กทม.แล้วจะเนรมิต กทม.ให้สำเร็จ ดังนั้นสิ่งที่เราจะลงทุนให้มากที่สุดคือ การลงทุนเพื่อการศึกษาของเด็กด้วยความเสมอภาค ทำให้โรงเรียนที่ดีที่สุดต้องเป็นโรงเรียนที่อยู่ใกล้บ้านของทุกคน นอกจากนั้นเรื่องของ People ยังเข้าไปอยู่เรื่องสวัสดิการ การเดินทางสาธารณะ ทำให้คนรายได้น้อยขึ้นรถไฟฟ้าได้
Profit คือทุกอย่างของประชาชน คือการสร้างรายได้ แก้ปัญหาปากท้อง วันนี้เศรษฐกิจแย่ ข้าวยากหมากแพง งานหาไม่ได้ เงินเดือนถูกปรับลด สิ่งแรกที่จะทำคือหาบเร่ แผงลอย เปลี่ยนระบบแต่งตั้งโยกย้ายให้อิงจากการให้เรตติ้งโดยประชาชน ตรวจสอบและแก้ไของค์กรต่างๆใน กทม.ที่ไหนเคยถูกอ้างว่าเป็นแหล่งซ่อนเงินของผู้ว่าฯ กทม.ทำตัวปากว่าตาขยิบ ตนจะเข้าไปทุบทั้งหมด
น.ต.ศิธา กล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาน้ำท่วม จริงๆบริหารจัดการง่าย ขีดความสามารถของ กทม.ลงทุนไปแสนล้านบาท ลงทุนไปอย่างดี แต่ประสิทธิภาพทำงานได้แค่ 70% ตนจะเข้าไปพัฒนาระบบให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ไม่ต้องเสียงบประมาณแม้แต่บาทเดียว และจากนี้น้ำท่วมที่ไหน ตรงนั้นจะต้องเป็นถนนที่ผู้ว่าฯ กทม.และผู้อำนวยการเขตต้องไปเดิน ถ้ารถเมล์ยังร้อน ยังอำนวยความสะดวกประชาชนได้ไม่ดี ผู้ว่าฯ กทม.และผู้บริหารทุกคนจะต้องไปนั่งรถเมล์กับประชาชน ท่านจะได้รู้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน
“ผมเคยกินนอนใต้ทางด่วนมาแล้ว ผมไม่กลัวความยากลำบาก การลงสมัครครั้งนี้ผมสู้ขาดใจ จะชนะหรือแพ้ ผมได้รับภารกิจมาไม่เคยท้อถอย จะใช้เวลา 50 กว่าวันที่เหลือให้คน กทม.รู้ว่า ผมและพรรคไทยสร้างไทยจะทำอะไรกับให้คน กทม.” น.ต.ศิธา กล่าว
Planet ทำให้ กทม.เป็นเมือง global city เมืองที่คนยอมรับให้เขาอยากมาอยู่ ให้เขามา work from here
น.ต.ศิธา กล่าวด้วยว่า เราเคยได้ยินว่ากรุงโรมไม่สามารถสร้างได้ในวันเดียว มหานครของโลกไม่สามารถสร้างได้ด้วยตัวตนเดียว ตนจะทำตรงนี้เป็นหัวเรือใน กทม. ประสานกับคุณหญิงสุดารัตน์ นำพาพรรคไทยสร้างไทย เสนอนโยบายโดนใจประชาชน และตนจะทำให้ข้าราชการ กทม.เป็นข้ารับใช้ของประชาชน โดยเริ่มจากตัวเองจากนี้เป็นต้นไป
อ่านประกอบ :