‘บ.น้ำตาลบ้านไร่’ ส่งหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีครอบครองที่ดิน 328 ไร่ ระบุเป็นการออก ‘นส.3 ก’ โดยชอบด้วยกฎหมาย ขณะที่ 'กรมที่ดิน' ยืนยันซื้อได้ ย้ำไม่มีเจตนาบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน
............................
เมื่อวันที่ 10 มี.ค. สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ บริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาลบ้านไร่ จำกัด ได้ทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงต่อคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร หลังจากมีผู้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธาน กมธ.ป.ป.ช. เพื่อให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐกระทำการทุจริตช่วยเหลือบริษัทเอกชนในการบุกรุกพื้นป่าสงวน เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา
สำหรับหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงของ บริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาลบ้านไร่ จำกัด ระบุว่า จากกรณีที่นายธนารัตน์ น้ำคำ ฐานะผู้บริโภค ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ กมธ.ป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐกระทำการทุจริตช่วยเหลือบริษัทเอกชน โดยมีการกล่าวถึง บริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาลบ้านไร่ จำกัด ซึ่งครอบครอง น.ส.3 ก เลขที่ 3230 ต.ทัพหลวง อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี จำนวน 328 ไร่ และอ้างว่าที่ดินแปลงดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 1174 พ.ศ.2529 และขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของบริษัทนั้น
บริษัทฯ จึงทำการสรุปข้อเท็จจริงเพื่อชี้แจงในฐานะภาคเอกชนที่ถูกอ้างถึง ดังต่อไปนี้
บริษัทฯ ได้ทราบข้อมูลเรื่องเอกสารสิทธิที่ดิน น.ส. 3 ก่อนทำการซื้อขายจากประชาชนผู้ถือครองเอกสารสิทธิ และทำการตรวจสอบเอกสารสิทธิ และสอบถามกับเจ้าพนักงานกรมที่ดินก่อนดำเนินการซื้อขาย โดยเจ้าพนักงานที่ดินแจ้งว่า สามารถทำการซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวได้จากผู้ถือครองเอกสารสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมาย บริษัทฯ จึงดำเนินการซื้อที่ดินดังกล่าวเพื่อกิจการของบริษัทโดยเจตนาบริสุทธิ์ และมิได้มีเจตนาเป็นการรุกล้ำพื้นที่ป่าสงวนของประเทศแต่อย่างใด โดยมีรายละเอียดชี้แจง ดังนี้
เมื่อปี พ.ศ.2519 กรมที่ดินได้ทำการเดินสำรวจและออกเอกสารสิทธิ น.ส.3 ให้กับประชาชนทั่วไปในเขตอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี และพื้นที่ในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งทำให้มีการออกเอกสารสิทธิ น.ส.3 จำนวนพื้นที่รวมกว่าหนึ่งแสนไร่ และที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ น.ส.3 ดังกล่าวนั้น มีการทำการซื้อขายเปลี่ยนมือกันเป็นปกติเรื่อยมา
บริษัทฯ ได้ทำการซื้อที่ดินเอกสารสิทธิ น.ส.3 จากประชาชนผู้ถือครองเอกสารสิทธิ โดยที่ดินที่บริษัทฯ ทำการซื้อเป็นที่ดินติดทางหลวงเลขที่ 333 เพื่อทำการตั้งโรงงานน้ำตาล ในเขต อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี และทำการยื่นขออนุญาตจัดตั้งโรงงานน้ำตาลตามขั้นตอนทางกฎหมาย และได้รับอนุญาตให้ทำการประกอบกิจการโรงงานน้ำตาล บนที่ดินที่มีเอกสารสิทธิถูกต้อง เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ.2538
ส่วนที่ดินเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก เลขที่ 3230 เนื้อที่จำนวน 328 ไร่ 58 ตารางวานั้น เป็นการรวบรวมที่ดิน น.ส.3 ก หลายแปลง จำนวน 16 แปลง และขอทำการรวมเป็นแปลงใหญ่แปลงเดียว โดยทำการแล้วเสร็จและออกเป็นเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก แปลงดังกล่าว เมื่อวันที่ 26 ส.ค.2558
โดยทางบริษัทฯ ได้ทำการตรวจสอบเอกสารสิทธิ และสอบถามกับเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อทำการซื้อที่ดิน ซึ่งเจ้าพนักงานแจ้งว่า สามารถทำการซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวได้จากผู้ถือครองเอกสารสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมาย บริษัทฯ จึงดำเนินการซื้อที่ดินดังกล่าวเพื่อกิจการของบริษัทโดยเจตนาบริสุทธิ์
ทั้งนี้ เมื่อปี พ.ศ.2529 ได้มีกฎกระทรวงฉบับที่ 1174 พ.ศ.2529 ออกตามความใน พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ซึ่งได้ประกาศให้ป่าเขาพุวันดี ,ป่าห้วยกระเสียว และป่าเขาราวเทียน ในท้องที่ ต.บ้านไร่ ต.หนองจอก และต.ทัพหลวง อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายกฎกระทรวง เป็นป่าสงวนแห่งชาติทั้งตำบล
โดยที่ในขณะนั้นสภาพความเป็นจริงในพื้นที่ดังกล่าว ไม่มีสภาพเป็นป่าไม้แต่อย่างใด มีการจัดตั้งชุมชนเป็นที่อยู่อาศัยของประชาชน ถนนหลวง สถานที่ราชการ โรงเรียน วัด ตลาด เป็นระยะเวลานานก่อนมีการประกาศ โดยเอกสารสิทธิที่ออกโดยกรมที่ดินนั้น เป็นการออกโดยชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่ปี พ.ศ.2519 ก่อนมีการประกาศกฎกระทรวงปี พ.ศ.2529
อ่านประกอบ :
สนง.ที่ดินอุทัยธานี ลงพื้นที่รังวัด น.ส.3 ก โรงงานน้ำตาล หลังถูกร้องรุกพื้นที่ป่า
ร้อง'กมธ.ป.ป.ช.'เร่งรัดคดียักยอกทรัพย์'สหกรณ์ฯคลองจั่น'-สอบไม่เพิกถอน'น.ส.3 ก'รุกป่า