ราชกิจจานุเบกษา แพร่ประกาศเปลี่ยนชื่อพรรค ‘พลังไทยนำไทย’ เป็น ‘สร้างอนาคตไทย’ ชูนโยบาย สร้างงาน สร้างรายได้ สร้างอนาคตไทยให้เท่าทันโลก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 ก.พ.2565 ราชกิจจานุเบกษา แพร่ประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่อง การเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรค และกรรมการบริหารพรรคสร้างอนาคตไทย จากเดิมชื่อ พรรคพลังไทยนำไทย
ทั้งนี้ พรรคสร้างอนาคตไทย ชื่อย่อว่า สอคท. เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า SARNG ANAKOT THAI PARTY ชื่อย่อ SAT
สำหรับเครื่องหมายพรรค เป็นรูปแผนที่ประเทศไทยสีทอง เป็นประกายอยู่ภายในกรอบวงกลมสีขาว โอบอ้อมไปด้วยรูปทรงสัญลักษณ์สีแดงและสีน้ำเงิน ที่เสมือนหนึ่งเป็นภาพของประชาชนร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ สามัคคีกลมเกลียวกันในการร่วมกันสร้างอนาคตของประเทศไทยให้เจริญรุ่งเรือง โดยมีอักษรภาษาไทยสีน้ำเงินคำว่า พรรคสร้างอนาคตไทย
- เปิดตัวพรรค'สร้างอนาคตไทย'ปักหมุดฟื้นเศรษฐกิจ ทำการเมืองไม่ซ้ายสุดขั้ว ไม่ขวาสุดโต่ง
- ‘สร้างอนาคตไทย’ อุบส่ง ‘สมคิด’ แคนดิเดตนายกฯ ลั่นแต่ไม่มีชื่อ ‘บิ๊กตู่’
ขณะที่ความหมาย ระบุว่า พรรคสร้างอนาคตไทย ก่อตั้งขึ้นด้วยความหวังและด้วยความเชื่อมั่นในพลังความสามารถ และศักยภาพของคนไทยทุกคนว่าจะสามารถนำพาชาติบ้านเมืองให้ผ่านพ้นทุกอุปสรรคและทุกปัญหา และสามารถสร้างอนาคตประเทศไทยให้นำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืนและอย่างมีเกียรติภูมิ ทัดเทียมอารยะประเทศ ด้วยอุดมการณ์ และความศรัทธาอย่างสูงสุดในสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ภายใต้หลักการ "สร้างงาน สร้างรายได้ สร้างอนาคตไทยให้เท่าทันโลก"
ระบุ สำนักงานใหญ่พรรคตั้งอยู่ ณ บ้านเลขที่ 96 หมู่ที่ 5 ตำบลเชียงรากใหญ่ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี 12160
ปัจจุบัน มีคณะกรรมการบริหารพรรค รวม 10 คน โดยมี นายธาราวุฒิ สืบเชื้อ เป็นหัวหน้าพรรค , นายอธิวัฒน์ พัชรปรีชาพัฒน์ เป็นเลขาธิการพรรค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา นายอุตตม สาวนายน อดีต รมว.คลัง พร้อมด้วย นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีต รมว.พลังงาน พร้อมด้วยแกนนำ ได้แถลงข่าวเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ ชื่อ พรรคสร้างอนาคตไทย ทั้งนี้คาดว่า หลังจากราชกิจจานุเบกษา แพร่ประกาศเปลี่ยนแปลงชื่อพรรคอย่างเป็นทางการแล้ว ก็จะมีการนัดประชุมใหญ่เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคต่อไป
ทั้งนี้มีรายงานว่า นายอุตตม และ นายสนธิรัตน์ เตรียมเรียกประชุมใหญ่ภายใน 1 เดือน โดยคาดว่าเร็วที่สุดจะเกิดขึ้นช่วงปลายเดือน มี.ค. หรืออย่างช้าต้นเดือน เม.ย.นี้
อ่านรายละเอียด : http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2565/D/016/T_0152.PDF