‘พรรคสร้างอนาคตไทย’ อุบ ‘สมคิด’ เป็นแคนดิเดตนายกฯ ลั่นไม่เสนอชื่อ ‘พล.อ.ประยุทธ์’ ในบัญชีพรรค ลั่นไม่ใช่พรรคสืบทอดอำนาจ ไม่เป็นพรรคอะไหล่ของใคร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 ม.ค.2565 นายอุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย ตอบคำถามถึงความแตกต่างของพรรคสร้างอนาคตไทย กับพรรคพลังประชารัฐ ว่า เราอาสาทำงานให้บ้านเมือง คิดว่าเป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วน โดยเหตุการณ์วันนี้แตกต่างจากวันนั้นพอสมควร วันนั้นเราไปทำงานด้วยความมุ่งมั่น เหตุการณ์เปลี่ยนไปเรายุติบทบาท และได้แต่ติดตาม วันนี้เราเห็นว่าประเทศต้องการรวมพลังคนทำงาน นั่นคือที่มาของพรรค ประชาชนให้ความไว้วางใจ เราพร้อมที่จะทำงาน
เมื่อถามว่าที่ระบุว่าจุดยืนพรรคไม่ซ้ายสุดขั้ว ไม่ขวาสุดโต่งแล้วจุดยืนของพรรคอยู่ตรงไหนของการเมือง นายอุตตม กล่าวว่า จุดยืนของพรรคคือการเข้ามาแก้ปัญหาประเทศ ฟื้นเศรษฐกิจ วางรากฐานเพื่ออนาคตของคนไทย เพื่อความมั่นคง ยั่งยืน
"การที่เราบอกว่าไม่เอียงไปข้างใด ข้างหนึ่ง เพื่อที่จะสามารถขับเคลื่อนสิ่งที่อาสามาทำ ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ฟื้นฟูประเทศ เราไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งใด ต้องยอมรับว่าเราเห็นความแย้ง ในมิติการเมือง ที่อาจจะพูดได้ว่าทำหน้าที่ให้ประชาชน ได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะเรื่องความขัดแย้งเรื่องผู้ชุมนุมประท้วง เรื่องแบบนี้เราไม่ต้องการ” นายอุตตม กล่าว
ส่วนทิศทางของพรรคจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่นั้น นายอุตตม กล่าวว่า ตนเองและนายสนธิรัตน์ เคยทำงานกับ พล.อ.ประยุทธ์ และท่านเป็นหัวหน้ารัฐบาล ของเราในครั้งนั้น เพราะไปทำงานให้บ้านเมือง ก็ได้ทำงานในหลายเรื่อง ที่มีความคืบหน้า ซึ่งด้วยเงื่อนไขทางการเมืองจึงทำให้เราต้องออกมา
"วันนี้เราทำพรรคสร้างอนาคตไทย ทำให้ประชาชน ไม่ได้ทำให้บุคคลใด บุคคลหนึ่งทั้งนั้น เป็นการรวมตัวของคนที่อาสาทำงานให้ประเทศชาติ พวกผมเดินออกมาแล้ว จะไม่หันหลังกลับ" นายอุตตม กล่าว
นายอุตตม กล่าวว่า วันนี้เรายังไม่เสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีว่าเป็นใคร เพราะต้องผ่านกระบวนการสรรหาของพรรค ซึ่งมีกฎเกณฑ์พิจารณาว่าใครที่มีความเหมาะสม สมานความร้าวฉานที่มีในขณะนี้ได้และมีความสามารถทางด้านเศรษฐกิจ แก้เศรษฐกิจได้ และเป็นที่ยอมรับจากต่างประเทศ นี่หลักการของเรา
นายอุตตม กล่าวยืนยันว่า พรรคสร้างอนาคตไทยไม่ใช่พรรคอะไหล่ หรือพรรคนอมินี ของพรรคแกนนำรัฐบาล และ พล.อ.ประยุทธ์ ขอพูดชัดสั้นๆว่าไม่ใช่ ไม่เกี่ยวข้องกัน
สำหรับอดีตรองนายกรัฐมนตรีว่า นายอุตตม กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่านายสมคิด สนิทกับพวกเรา ตอบตรงๆ อย่างน้อยในส่วนของตนท่านไม่ทอดทิ้งพวกเรา หากถามว่าท่านเหมาะสมหรือไม่ คิดและเชื่อว่าท่านเหมาะสม แต่พวกเรามารวมพลังกัน ก็จะช่วยกันพิจารณาว่าใครบ้าง และจะเสนอทั้ง 3 ตำแหน่ง ซึ่งเราต้องดูใครเป็นหัวหน้าพรรคและใครที่เหมาะสม
หัวหน้าพรรคจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ส่วนอีก 2 คน ก็อยู่ทีพรรคจะพิจารณาต่อไป ขณะที่หัวหน้าพรรคจะเป็นใครจะต้องมีการคัดเลือกในพรรคพิจารณาอีกครั้ง
นายอุตตม กล่าวถึงข้อสงสัยว่าในเมื่อพรรคจะฟื้นเศรษฐกิจ ทำไมถึงไม่ชูนายสมคิดเป็นหัวหน้าพรรคตามที่หลายฝ่ายเรียกร้อง ว่า ถ้าถามในใจตนเอง นายสมคิดเหมาะสม และที่ผ่านมานายสมคิดไม่เคยทอดทิ้งพวกเรา
ส่วนพรรคสร้างอนาคตไทย แตกต่างอย่างไรกับพรรคที่เกิดใหม่ นายอุตตม กล่าวว่า เรามีเป้าหมาย และจุดยืนชัดเจนคือเข้ามาฟื้นเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในวันนี้ เราแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าจะเน้น ระดมผู้คนจากหลากหลายภาคส่วน ที่จะทำให้เราบรรลุเป้าหมาย สิ่งเหล่านี้จะปรากฏออกมาให้ประชาชนได้เห็นว่า พรรคสร้างอนาคตไทย สามารถรวบรวมผู้คน นำเสนอชุดความคิดใหม่
ขณะที่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งพรรค กล่าวเสริมว่า ถามว่าเราอยู่ตรงไหน วันนี้ความขัดแย้ง ร้าวลึก ความคิดทางการเมืองเป็น 2 ปีกกว่า สิ่งหนึ่งที่พรรคจะไม่ทำคือ ไม่ซ้ำเติมความแตกแยกของสังคมไทย ดุลยภาพทางการเมืองไทยวันนี้ มิติแรกมี 2 ขั้วชัดเจน มีความเห็นที่แตกต่างกัน ไม่ใช่อุปสรรค แต่ที่สำคัญคือ ต้องไม่นำไปสู่ความแตกแยกที่รุนแรง ร้าวลึก หรือเป็นการต่อสู้ในเชิงกลุ่มคน และวัยของผู้คน เรามีเจตนารมณ์สร้างพรรคที่จะพยายามเป็นพรรคที่ไม่สร้างความแตกแยก
นายสนธิรัตน์ กล่าวอีกว่า ตนเองเคยร่วมทำพรรคพลังประชารัฐ และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งเหมือนวันนี้ เรามีโครงการอยู่ในใจเสมอ หลายคนร่วมสร้างพรรคกับพวกเรามา เราประกาศตัวเสมอว่า ไม่ใช่นักการเมือง ที่ตั้งใจเข้ามาทำงานเพื่อประโยชน์พวกพ้อง ซึ่งสามารถตรวจสอบและมองคนบนเวทีเหล่านี้ได้ว่า เขาไม่ได้เอาพวกพ้องเป็นตัวตั้ง การทำงานทั้งหมดของเรา คือการนำพาประเทศไปข้างหน้า
พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้บังคับบัญชาเรา และนายกรัฐมนตรีได้พูดผ่านโฆษกประจำสำนักนายกฯเมื่อวานนี้ ว่า ไม่ได้เกี่ยวข้อง กับพรรคสร้างอนาคตไทย และเป็นเรื่องจริง ที่ท่านไม่เกี่ยวข้องกับการสร้างพรรคในครั้งนี้ และชัดเจนว่า เราไม่ได้ทำพรรคเพื่อสืบทอดอำนาจให้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เราทำพรรคเพื่อเป็นตัวแทนของประชาชนในการแก้ปัญหา
“เราไม่เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในบัญชีรายชื่อของพรรค เพราะเราต้องเสนอแคนดิเดตนายกฯในพรรคของเรา ซึ่งพรรคมีจุดยืนสรรหานายกฯ ที่สามารถแก้ปัญหาประเทศได้ ที่จะสามารถเป็นที่ยอมรับจากประชาชน และนานาประเทศ” นายสนธิรัตน์ กล่าว
เรายืนยันว่าพรรคเรา ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ ไม่ได้ตั้งมาเพื่อรองรับกับผู้ใดผู้หนึ่ง และเราไม่ได้ตั้งพรรคเป็นอะไหล่ให้ของใคร แต่ในทางตรงข้ามเราตั้งพรรค และเลือกที่จะทำงานกับใคร ซึ่งพรรคที่เราจะทำงานด้วยต้องมีอุดมการณ์สอดรับกับพรรคของเรา พรรคเรามีความแตกต่างแน่นอน เพราะพรรคนี้จะฟื้นเศรษฐกิจ เป็นพรรคที่มีความมุ่งมั่นในการฟื้นเศรษฐกิจ มีประสบการณ์ มีคนทำงาน มีผู้เชี่ยวชาญ มั่นใจว่า จุดแตกต่างคือ พรรคเรามุ่งหน้าฟื้นเศรษฐกิจคือภารกิจหลัก
ส่วนพรรคสร้างอนาคตไทย ตั้งเป้าจะได้จำนวน ส.ส.เท่าใดนั้น นายสนธิรัตน์ ปฏิเสธที่ตอบคำถามโดยระบุว่า อยู่ที่ประชาชน วันนี้ตนเองขอทำงานก่อน และความร่วมมือจากทุกฝ่ายเพราะวันนี้พึ่งเริ่มต้น