พรรคก้าวไกลเตรียมยื่น ป.ป.ช. ตรวจสอบข้อเท็จจริง 5 รัฐมนตรี 'ศักดิ์สยาม-อนุทิน-เฉลิมชัย-ประภัตร-วราวุธ' ปมปล่อยค้ามนุษย์-อหิวาร์สุกร-สถานีกลางบางซื่อ-น้ำมันรั่ว ขยายผลต่อหลังอภิปรายรัฐบาลตาม ม.152
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2565 ส.ส.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) นำโดย นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค, นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรค, นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา และนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก ร่วมแถลงกรณีการเตรียมยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบข้อเท็จจริงรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง 5 คน ภายหลังที่ได้มีการอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เมื่อวันที่ 17-18 ก.พ. ที่ผ่านมา
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลพบข้อเท็จจริงพยานหลักฐานที่มากกว่าการซักถามและเสนอแนะการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล ได้แก่ 1.เรื่องการค้ามนุษย์ที่เกี่ยวเนื่องกับการลี้ภัยของชาวโรฮิงญา 2.โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) พบว่ามีการปกปิดข้อเท็จจริงนำไปสู่ราคาสินค้าแพง 3.การใช้สถานีรถไฟฟ้ากลางบางซื่อ ที่เชื่อได้ว่ามีการทุจริต และ 4.สถานการณ์น้ำมันรั่วในท้องทะเลภาคตะวันออก ทั้ง 4 ประการเป็นยุทธการโรยเกลือภาคต่อเนื่อง มั่นใจว่ากรณีดังกล่าวมีคนผิด ทั้งหน่วยงานราชการ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงความรับผิดชอบของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี
ด้านนายปดิพัทธ์ กล่าวว่า การอภิปรายเรื่อง ASF หลักฐานที่มีอยู่เพียงพอที่จะฟ้องนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต่อ ป.ป.ช. นอกจากนี้จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของ กมธ.ป.ป.ช. เนื่องจาก กมธ.วิสามัญที่ตั้งขึ้นมาเรียกข้อมูลจากหน่วยงานราชการยากมากขึ้น เราจึงยังจำเป็นที่จะต้องซักถามอีกหลายประเด็นต่อ รวมทั้งเราจะดำเนินการฟ้องแพ่งแบบหมู่หรือคลาสแอกชั่น
นายจิรัฏฐ์ กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องสถานีกลางบางซื่อ มีการใช้ในการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน ประกอบกับค้างค่าก่อสร้าง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้บริษัทผู้รับเหมา ทั้งบริษัทซิโนไทยและบริษัทยูนีคฟ้องเรียกค่าเสียหาย มูลค่า 7,200 ล้านบาท ซึ่งพรรคมองว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อนที่เกี่ยวข้องกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ทั้งนี้ เราจะดำเนินการฟ้องบุคคลทั้งสองต่อ ป.ป.ช.
ขณะที่ นายรังสิมันต์ กล่าวถึงเรื่องการค้ามนุษย์ พบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐหลายภาคส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกองทัพเรือ รวมทั้งตำรวจที่ควบคุมดูแลไม่ให้กระทำผิดในเรื่องนี้ก็จับได้น้อย รวมถึงฝ่ายปกครองซึ่ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็ทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี รวมถึงเรื่องการลี้ภัยของ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และอดีตหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา ที่โดนโยกย้ายตำแหน่งให้ไปอยู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการบีบบังคับ ขัดขวาง จนเจ้าตัวต้องลาออกจากราชการ ทั้งหมดนี้จะนำเรื่องเข้าสู่ กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงต่อไป เพราะตั้งแต่ที่มีการอภิปรายยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนจาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าท่านไม่สามารถใช้ความเงียบเพื่อกลบฝังปัญหาหรือคำถามของประชาชนได้อีกต่อไป
สำหรับการตั้งข้อสังเกตถึง พล.ต.ต.ปวีณ ไม่ได้รับสถานะผู้ลี้ภัยของประเทศออสเตรเลีย นายรังสิมันต์ กล่าวยืนยันว่า พล.ต.ต.ปวีณ ได้รับสถานะการลี้ภัยจริง และขณะนี้อาศัยอยู่ในประเทศออสเตรเลียแน่นอน ซึ่งรัฐบาลก็ไม่ได้ปฏิเสธในเรื่องนี้ ทั้งนี้ไม่เชื่อว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จะแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ได้ การจะแก้ปัญหาได้ต้องมีรัฐบาลใหม่ มีผู้นำใหม่ แล้วการแก้ปัญหาเหล่านี้จะดีขึ้น
ส่วน นพ.วาโย กล่าวว่า จะฟ้องนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต่อ ป.ป.ช. ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จากเหตุน้ำมันรั่วกลางทะเลภาคตะวันออก
ทั้งนี้ ภายหลังการแถลงข่าวของพรรคก้าวไกล เดิมไม่มีรายชื่อ นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ถึงปัญหาการระบาดของโรค ASF แต่เมื่อผ่านไป 3 ชั่วโมงหลังการแถลงข่าว ทางทีมประชาสัมพันธ์พรรคก้าวไกล เผยแพร่ข้อความข่าวดังกล่าวผ่านไลน์กลุ่มผู้สื่อข่าวประจำพรรคก้าวไกล โดยสรุปแล้วมีชื่อ นายประภัตร ที่จะถูกยื่นให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบด้วย