ครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวงฯปรับโครงสร้าง ‘ภาษีสรรพสามิต’ รถยนต์ 27 ประเภท ลดภาษีรถ EV ไม่เกิน 10 ที่นั่ง เหลือ 2% ‘รถกระบะไฟฟ้า’ ลดภาษีเหลือ 0% เริ่มทันทีนับแต่กฎกระทรวงฯมีผลบังคับใช้ ไปจนถึงปี 68 ขณะที่ ‘รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า’ ลดภาษีเหลือ 0-10% แต่ให้เริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค.69 เป็นต้นไป พร้อมรื้อภาษีนำเข้า CBU คาดรัฐสูญรายได้ 6 หมื่นล้าน
...........................
เมื่อวันที่ 22 ก.พ. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่..) พ.ศ. .... ซึ่งเป็นการปรับปรุงโครงสร้างการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสินค้ารถยนต์ประเภทต่างๆ รวม 27 ประเภท โดยมีรถยนต์ 6 ประเภท ที่ต้องจัดเก็บภาษีสรรพสามิตตามอัตราที่กำหนดทันที หลังจากร่างกฎกระทรวงฉบับนี้มีผลใช้บังคับ
สำหรับอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ 6 ประเภทที่จะมีผลบังคับใช้ทันที เมื่อร่างกฎกระทรวงฯมีผลบังคับใช้ มีดังนี้
1.รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (Pick-up Passenger Vehicle: PPV) แบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้าที่สามารถเสียบปลั๊กประจุไฟฟ้าได้ (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 10 ตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธ.ค.2578 กรณีที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขจัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 50
2.รถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ประเภทประหยัดพลังงาน แบบพลังงานไฟฟ้า (Electric Powered Vehicle) จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 2 กรณีที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข แบ่งเป็น 2 ช่วงระยะเวลา คือ ตั้งแต่วันที่กฎกระทรวง มีผลใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธ.ค.2568 และตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2569 เป็นต้นไป ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 8-10
3.รถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ประเภท ประหยัดพลังงานแบบมาตรฐานสากล (Eco car) ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 14 ตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธ.ค.2566 และตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธ.ค.2568 พิจารณาจากความจุกระบอกสูบ อัตราการปล่อย CO2 และการติดตั้งมาตรฐานความปลอดภัย ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 10-12 ถ้าไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ฯ ให้อัตราภาษีเป็นไปตามอัตราของรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน
4.รถยนต์กระบะ 4 ประตู (Double Cab) แบบผสมที่ใช้ พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้าที่สามารถเสียบปลั๊กประจุไฟฟ้าได้ (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 5 ตั้งแต่กฎกระทรวงมีผลบังคับใช้
5.รถยนต์กระบะแบบพลังงานไฟฟ้า (Electric Powered Vehicle) แบ่งเป็น 2 ช่วงระยะเวลา คือ ตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับถึง วันที่ 31 ธ.ค.2568 ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 0 และตั้งแต่ 1 ม.ค.2569 - 31 ธ.ค.2578 ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 2 กรณีไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 10 ตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับถึง วันที่ 31 ธ.ค.2568 และ 1 ม.ค.2569- 31 ธ.ค.2578
6.รถยนต์กระบะแบบเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Powered Vehicle) ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 0 กรณีที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ แบ่งเป็น 2 ช่วง ตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธ.ค.2568 และตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2569 -31 ธ.ค.2578 ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 5 สำหรับอัตรา
ส่วนอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์อีก 21 ประเภท ที่จะมีผลใช้บังคับตั้งแต่ปี 2569-2578 ตามลำดับ ได้แก่
7.รถยนต์นั่งความจุกระบอกสูบ ไม่เกิน 3,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร แบ่งเป็น 3 ช่วง คือ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2569- 31 ธ.ค.2570 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2571-31 ธ.ค.2572 และตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2573 เป็นต้นไป ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 13-38 กรณีที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ วันที่ 1 ม.ค.2569-31 ธ.ค.2572 และตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2573 เป็นต้นไป ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 25-40 สำหรับรถยนต์นั่งความจุกระบอกสูบเกิน 3,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร ตั้งแต่ 1 ม.ค.2569 เป็นต้นไป ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 50
8.รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (Pick-up Passenger Vehicle: PPV) ความจุกระบอกสูบ 250 ลูกบาศก์เซนติเมตร ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 18-50 ส่วนประเภทที่ใช้เชื้อเพลิงประเภทไบโอดีเซล (B20) ร้อยละ 16-50 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2569-31 ธ.ค.2578
9.รถยนต์นั่งที่ผลิตจากรถยนต์กระบะหรือแชสซีส์และกระจกบังลมหน้า (Chassis With Windshield) ของรถยนต์กระบะ หรือดัดแปลงจากรถยนต์กระบะที่ผลิตหรือดัดแปลงโดยผู้ประกอบอุตสาหกรรม ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 2.5- 40 ส่วนประเภทที่ดัดแปลงโดยผู้ดัดแปลง ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 25 ตั้งแต่ 1 ม.ค.2569 เป็นต้นไป
10.รถยนต์สามล้อชนิดรถสกายแลป ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 0 ตั้งแต่ 1 ม.ค.2569 เป็นต้นไป
11.รถยนต์อื่นๆ นอกเหนือจากข้อ 1 - 5 ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 50 ตั้งแต่ 1 ม.ค. 69 เป็นต้นไป
12.รถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน แบ่งเป็น 3 ช่วง คือ ตั้งแต่ 1 ม.ค.2569-31 ธ.ค.2570 ตั้งแต่ 1 ม.ค.2571-31 ธ.ค.2572 และตั้งแต่ 1 ม.ค.2573 เป็นต้นไป ให้จัดเก็บภาษีในอัตรา ตามมูลค่าร้อยละ 13 - 38 กรณีที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ แบ่งเป็น 2 ช่วงระยะเวลา คือ ตั้งแต่ 1 ม.ค.2569-31 ธ.ค.2572 และตั้งแต่ 1 ม.ค.2573 เป็นต้นไป ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 25-40 สำหรับรถที่มีความจุกระบอกสูบเกิน 3,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 50 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2569 เป็นต้นไป
13.รถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่ใช้เป็นรถพยาบาล และรถยนต์ต้นแบบที่ผลิตหรือนำเข้ามาโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อนำไปวิจัย พัฒนา หรือทดสอบสมรรถนะที่ไม่เคยมีการจำหน่าย ในท้องตลาดเป็นการทั่วไป ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 0 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2569 เป็นต้นไป
14.รถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ประเภทประหยัดพลังงานแบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า (Hybrid Electric Vehicle) แบ่งเป็น 3 ช่วงระยะเวลา คือ ตั้งแต่ 1 ม.ค.2569-31 ธ.ค.2570 ตั้งแต่ 1 ม.ค.2571-31 ธ.ค.2572 และตั้งแต่ 1 ม.ค.2573 เป็นต้นไป ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 6-28 กรณีที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ตั้งแต่ 1 ม.ค.2569-31 ธ.ค.2572 และตั้งแต่ 1 ม.ค.2573 เป็นต้นไป ให้จัดเก็บ ภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 15-30 กรณีที่มีความจุกระบอกสูบเกิน 3,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 40 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2569 เป็นต้นไป
15.รถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ประเภทประหยัดพลังงานแบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า ที่สามารถเสียบปลั๊กประจุไฟฟ้าได้ (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 5-10 ตั้งแต่ 1 ม.ค.2569 เป็นต้นไป กรณีที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ตั้งแต่ 1 ม.ค.2569-31 ธ.ค.2572 และตั้งแต่ 1 ม.ค.2573 เป็นต้นไป ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 15-20 สำหรับความจุกระบอกสูบเกิน 3,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 30 ตั้งแต่ 1 ม.ค.2569 เป็นต้นไป
16.รถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ประเภทประหยัดพลังงาน แบบเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Powered Vehicle) ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 1 กรณีที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ให้จัดเก็บภาษี ในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 5 ตั้งแต่ 1 ม.ค.2569 เป็นต้นไป
17.รถยนต์นั่งสามล้อ และรถยนต์นั่งที่ผลิตขึ้นโดยใช้เครื่องยนต์ของรถจักรยานยนต์ขนาดไม่เกิน 250 ลูกบาศก์เซนติเมตร รถยนต์สามล้อ ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 2-4 รถยนต์นั่งที่ผลิตขึ้นโดยใช้เครื่องยนต์ของ รถจักรยานยนต์ขนาดไม่เกิน 250 ลูกบาศก์เซนติเมตร ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 4 ตั้งแต่ 1 ม.ค 2569 เป็นต้นไป
18.รถยนต์กระบะที่ออกแบบสำหรับให้มีน้ำหนักรถรวม น้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 4,000 กก. ที่ไม่มีพื้นที่ใส่สัมภาระด้านหลัง ที่นั่งคนขับ (No Cab) ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 3-5 ตั้งแต่ 1 ม.ค.2569-31 ธ.ค.2578
19.รถยนต์กระบะที่ออกแบบสำหรับให้มีน้ำหนักรถรวม น้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 4,000 กก. ที่ไม่มีพื้นที่ใส่สัมภาระด้านหลัง ที่นั่งคนขับ (No Cab) ที่ใช้เชื้อเพลิงประเภทไบโอดีเซล (B20) ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 2-4 ตั้งแต่ 1 ม.ค.2569-31 ธ.ค.2578
20.รถยนต์กระบะที่ออกแบบสำหรับให้มีน้ำหนักรถรวม น้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 4,000 กก. ที่มีพื้นที่ใส่สัมภาระด้านหลัง ที่นั่งคนขับ (Space Cab) ที่ใช้เชื้อเพลิงประเภทไบโอดีเซล (B20) ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 3-7 ตั้งแต่ 1 ม.ค.2569-31 ธ.ค.2578
21.รถยนต์กระบะที่ออกแบบสำหรับให้มีน้ำหนักรถรวม น้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 4,000 กก. ที่มีพื้นที่ใส่สัมภาระด้านหลัง ที่นั่งคนขับ (Space Cab) ให้จัดเก็บภาษี ในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 5-8 ตั้งแต่ 1 ม.ค.2569-31 ธ.ค.2578
22.รถยนต์กระบะ 4 ประตู (Double Cab) ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 8-13 ตั้งแต่ 1 ม.ค.2569- 31 ธ.ค.2578
23.รถยนต์กระบะ 4 ประตู (Double Cab) ที่ใช้เชื้อเพลิง ประเภทไบโอดีเซล (B20) ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 6-12 ตั้งแต่ 1 ม.ค.2569-31 ธ.ค.2578
24.รถยนต์กระบะแบบพลังงานไฟฟ้า (Electric Powered Vehicle) ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 0-2 ตั้งแต่ 1 ม.ค.2569-31 ธ.ค.2578
25.รถยนต์กระบะแบบเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Powered Vehicle) ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 0-1 ตั้งแต่ 1 ม.ค.2569-31 ธ.ค.2578
26.รถยนต์ต้นแบบที่ผลิตหรือนำเข้ามาโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อนำไปวิจัย พัฒนา หรือทดสอบสมรรถนะที่ไม่เคยมีการจำหน่าย ในท้องตลาด จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 0 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2569
27.รถยนต์ประเภทอื่นๆ นอกจากข้อ 15-ข้อ 26 ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 15-50 ตั้งแต่ วันที่ 1 ม.ค.2569 เป็นต้นไป โดยจะพิจารณาจากความจุกระบอกสูบ อัตรา การปล่อย CO2
@ลดภาษีสรรพสามิต ‘รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า’ เหลือ 0-10% ตั้งแต่ปี 69
นอกจากนี้ ร่างกฎกระทรวงฯฉบับนี้ ยังกำหนดให้มีการปรับปรุงโครงสร้างการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสินค้า รถจักรยานยนต์รวม 4 ประเภท ได้แก่
1.รถจักรยานยนต์แบบพลังงานไฟฟ้า โดยจะพิจารณาจากแรงดันไฟฟ้า ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 0-10 ตั้งแต่ 1 ม.ค.2569 เป็นต้นไป
2.รถจักรยานยนต์แบบที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิง หรือแบบผสมที่ใช้พลังงาน เชื้อเพลิงและไฟฟ้า ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 4-25
3.รถจักรยานยนต์ต้นแบบที่ผลิตหรือนำเข้ามาโดยมี วัตถุประสงค์เพื่อนำไปวิจัย พัฒนา หรือทดสอบสมรรถนะ ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 0 ตั้งแต่ 1 ม.ค.2569 เป็นต้นไป
4.รถจักรยานยนต์อื่นๆ นอกจากข้อ 1-3 แบ่งเป็น 2 ช่วงระยะเวลา คือ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2569-31 ธ.ค.2572 และตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2573 เป็นต้นไป ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 25-30
นายธนกร ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กำชับในที่ประชุม ครม. ว่า ขอให้ให้มาตรการภาษีดังกล่าวส่งเสริมให้เกิดการลงทุนและการถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อนำไปสู่เป้าหมายการยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และกระตุ้นผู้ประกอบการปรับปรุงและพัฒนาสู่เทคโนโลยีทันสมัย การลดปล่อยก๊าซ CO2 และยังเป็นการสนับสนุนพลังงานสะอาด เพื่อลดโลกร้อนตามยุทธศาสตร์ประเทศไทย
นายธนกร กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. ยังมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากร สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่สำเร็จรูป (CBU) และ ครม.เห็นควรให้ระบุวันมีผลใช้บังคับของร่างประกาศฯให้สอดคล้องกับมติคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2564 (ครั้งที่ 4) และครั้งที่ 1/2565 (ครั้งที่ 5) เมื่อวันที่ 14 ม.ค.2565
@ลดภาษีนำเข้ารถยนต์ CBU-คาดรัฐสูญรายได้ 6 หมื่นล.
สำหรับสาระสำคัญของร่างประกาศกระทรวงการคลังฯดังกล่าว กำหนดให้มีการปรับลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (CBU) ประกอบสำเร็จรูปนำเข้าทั้งคัน ที่ได้รับสิทธิพิเศษทางอากรศุลกากรภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) และการนำเข้าทั่วไป ในปี 2565-2566 ดังนี้
1.รถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (CBU) ประกอบสำเร็จรูปนำเข้าทั้งคัน ราคาขายปลีกแนะนำไม่เกิน 2 ล้านบาท กรณีใช้สิทธิ FTA อากรไม่เกินร้อยละ 40 ให้ยกเว้นอากร กรณีใช้สิทธิ FTA อากรเกินร้อยละ 40 ให้ลดลงอีกร้อยละ 40 สำหรับกรณีนำเข้าทั่วไป อากรร้อยละ 80 ให้ลดลงเหลือร้อยละ 40
2.รถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (CBU) ประกอบสำเร็จรูปนำเข้าทั้งคัน ราคาขายปลีกตั้งแต่ 2-7 ล้านบาท กรณีใช้สิทธิ FTA อากรไม่เกินร้อยละ 20 ให้ยกเว้นอากร กรณีใช้สิทธิ FTA อากรเกินร้อยละ 20 ให้ลดลงอีกร้อยละ 20 สำหรับอัตราอากรนำเข้าทั่วไปให้ลดลงเหลือร้อยละ 60
“การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรดังกล่าว ให้ใช้สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบ CBU ที่มีหนังสือรับรองการได้รับสิทธิชำระภาษี สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กหรือรถยนต์ไฟฟ้าขนาดกลาง จากกรมสรรพสามิต แม้คาดว่าจะทำให้ภาครัฐสูญเสีย รายได้ประมาณ 60,000 ล้านบาท แต่ช่วยส่งเสริมให้เกิดการใช้รถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และก่อให้เกิดการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย” นายธนกรกล่าว