‘นิพนธ์’ แจงปม ‘เขากระโดง’ จ.บุรีรัมย์ กรมที่ดินยังเพิกถอนไม่ได้ รอ รฟท.ร่วมกรรมการแก้ปัญหา – รังวัดที่ดิน ล่าสุดรอชี้แจงศาลปกครอง คาดสุดท้ายต้องทำแผนที่ร่วมกัน
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) : เมื่อวันที่ 17 ก.พ.2565 สภาผู้แทนราษฎร อภิปรายเป็นการทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) แบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ 2560 โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-18 ก.พ.2565 รวม 30 ชั่วโมง แบ่งเป็นเวลาของพรรคร่วมฝ่ายค้านมีเวลา 22 ชั่วโมง พรรคร่วมรัฐบาล และ ครม. 8 ชั่วโมง
เมื่อเวลา 17.30 น. นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ชี้แจงการอภิปรายทั่วไป แบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ ว่า นับตั้งแต่เริ่มออกโฉนดที่ดิน ระหว่างปี 2544 – 2564 กรมที่ดินมีปริมาณเอกสารสิทธิ์ จากโฉนดที่ดิน , โฉนดตราจอง , ตราจอง , น.ส.3 ก. , น.ส.3 และใบจอง รวม 39.50 ล้านแปลง เนื้อที่ 126.25 ล้านไร่ ซึ่งเป็นสิ่งที่กรมที่ดินพยายามกระจายการถือครองที่ดินไปยังส่วนต่างๆ ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนมือบ้าง แต่ทั้งหมดก็พยายามที่จะดำเนินการในการออกเอกสารสิทธิ์ให้กับประชาชน ส่วนที่อภิปรายต่อเนื่องกรณีที่ดิน
ส่วนกรณีเทือกเขาบูโด-สุไหงปาดี เดิมมีปัญหากับแนวเขตของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีหลายเขตเป็นเขตอุทยานฯ เป็นพื้นที่ที่เราไม่มีความชัดเจน แต่เมื่อมีการกำหนดเขตชัดเจนว่าพื้นที่ของรัฐ พื้นที่ของประชาชนที่ครอบครองทำประโยชน์นอกเขตของรัฐอยู่ที่ไหน กรมที่ดินได้ทำงานร่วมกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนใต้ (กพต.) ตั้งแต่ปี 2558-2564 การเดินสำรวจนอกเขตอุทยานฯ รวม 94,683 แป่ลง เนื้อที่ 168,610 ไร่
นอกจากนั้น การเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินทั่วประเทศที่เริ่มทำมาตั้งแต่ปี 2528 เราทำไปแล้ว 14.67 ล้านแปลง เนื้อที่รวม 70.81 ล้านไร่
นายนิพนธ์ กล่าวถึงกรณีเรื่องที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ว่า กรณีที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ขอให้กรมที่ดินเพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ เป็นประเด็นที่ได้มีการซักถามและตนได้ชี้แจงมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อปี 2554 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งกรมที่ดินเพิกถอนโฉนดที่ดินดังล่าว เนื่องจากออกทับที่ รฟท. ทำให้กรมที่ดินมีหนังสือ 21 ม.ค.2554 หารือไปยังสำรนักงานอัยการสูงสุด และได้รับหนังสือตอบกลับเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.2555 แจ้งว่า ต้องให้ รฟท.ที่เป็นเจ้าของที่ดิน ใช้สิทธิ์ฟ้องร้องฟ้องคดีต่อศาล กรมที่ดินจึงได้มีหนังสือแจ้งไปเมื่อวันที่ 2 ต.ค.2555
ต่อมาเมื่อวันที่ 25 มี.ค.2564 สมาพันธ์คนงานรถไฟฯ และสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟฯ ทำหนังสือร้อง รมว.มหาดไทย ขอกรมที่ดินเพิกถอนโฉนดที่ดินตามคำพิพากษาศาลฎีกา กรมที่ดินจึงแจ้ง จ.บุรีรัมย์ ยกเลิกใบไต่สวน 35 รายที่ฟ้องคดี พร้อมจำหน่าย ส.ค.1 ออกจากทะเบียนการครอบครองที่ดิน ตามคำพิพากษาศาลฎีกา
นายนิพนธ์ กล่าวย้ำว่า ขอกราบเรียนด้วยความเคารพว่า ถึงปัจจุบัน การตรวจสอบที่ดินของ รฟท. เนื้อที่ 5,083 ไร่ ได้มีหนังสือ ลงวันที่ 2 พ.ย.2564 แจ้งให้กรมที่ดินเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิ์ในที่ดินทุกแปลงที่ออกทับที่ดิน รฟท. โดยให้ใช้สำเนาระวางแผนที่ที่ได้อ้างเป็นพยานในศาล ซึ่งกรมที่ดินมีหนังสือ 12 พ.ย.2564 เชิญ รฟท.เข้าร่วมเป็นคณะทำงานเพื่อทำการรังวัดที่ดิน และคณะกรรมการอำนวยการเพื่อร่วมกกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว แต่ รฟท.มีหนังสือ เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.2564 แจ้งยืนยันให้กรมที่ดินเพิกถอนตามแนวแผนที่ที่ใช้อ้างอิงเป็นพยานในศาล
ทั้งนี้ ในท้ายคดี เป็นเอกสารในสำนวนคดี ผูกพันเฉพาะคู่ความในคดี ไม่สามารถผูกพันกรมที่ดิน ซึ่งไม่ได้เป็นคู่สำคัญในการรังวัด เจ้าของที่ดินต้องมานำรังวัด เมื่อเจ้าของที่ดินไม่มานำรังวัด ก็ไปวัดเองไม่ได้ จึงเป็นประเด็นสำคัญที่ กรมที่ดินยังยืนยันว่า ตามแผนที่ที่ปรากฏ ถ้าเนื้อแผนที่นั้น เนื้อที่มีเพียง 4,745 ไร่ 1 งานเท่านั้น ก็ยังขาดอีกประมาณ 200 กว่าไร่ ยังเป็นปัญหาที่ต้องได้รับความร่วมมือจากเจ้าของที่ดิน เป็นประเด็นหนึ่งที่กรมที่ดินต้องการให้ผู้แทน รฟท.เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการหรือนำชี้แนวเขตที่ดิน
“อย่างไรก็ตามทราบว่า รฟท.ฟ้องคดีต่อศาลปกครองไปแล้วเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.2564 เมื่อใช้สิทธิ์ทางศาล กรมที่ดินก็ยังไม่ได้รับหมาย หรือสำเนาคำฟ้อง ถ้าได้รับแล้ว ก็จะได้ทำคำร้อง จะได้ชี้แจงไปยังศาลปกครอง ซึ่งในที่สุด ผมเชื่อว่า ก็ไปเรื่องทำแผนที่ร่วมกันอีก ซึ่งต้องเดินไปตาม เมื่อคดีอยู่ในศาล ก็ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนศาล ยืนยันจะพยายามเดินเรื่องนี้ให้เป็นไปตามหลักกฎหมายอย่างดีที่สุด” นายนิพนธ์ กล่าว
'ก้าวไกล'ข้องใจนายกฯถ่วงทูลเกล้าฯบอร์ด กสทช.รอควบรวมทรู-ดีแทคหรือไม่
เมื่อเวลา 16.30 น. น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายตอนหนึ่ง ว่า เรื่องของการปิดซูเปอร์ดีลโทรคมนาคม การควบรวมระหว่างทรูและดีแทค ที่หากสำเร็จแล้วก็น่าจะกระทบกับค่าครองชีพของประชาชนโดยตรง บอร์ด กสทช.ชุดปัจจุบันที่อยู่มานานกว่า 8 ปี ได้แก้ประกาศเพื่อริบอำนาจตัวเองในการให้อนุญาตควบรวม พูดง่ายๆ คือ บอร์ด กสทช.ได้แก้ประกาศการควบรวมกิจการในปี 2561 เพื่อบอกว่า ต่อไปนี้ ไม่ต้องมาขออนุญาต ให้ควบรวมกิจการแล้วมารายงานให้ กสทช.ทราบ แล้วถ้าเกิดผลกระทบกับสภาวะการแข่งขัน กสทช.ค่อยมาออกมาตรการหลังการควบรวม
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวย้ำว่า เท่าที่มีการคุยกันทั้งในวง กมธ.วิสามัญ และแวดวงวิชาการอื่นๆ ไม่มีทีท่าว่า กสทช.จะแก้ประกาศนี้แต่อย่างใด ก็จะปล่อยให้การควบรวมนี้เกิดขึ้นได้ สิ่งที่ดิฉันไม่ให้เข้าใจคือกระบวนการสรรหา กสทช.ชุดใหม่เสร็จสิ้นไปแล้ว ตั้งแต่ 20 ธ.ค.2564 ผ่านมาแล้วเกือบ 2 เดือน ข่าวมาว่าชื่อไปค้างอยู่ที่นายกรัฐมนตรี ยังไม่ยอมทูลเกล้าฯ จริงหรือไม่
“ถ้าเป็นจริงนายกรัฐมนตรีรออะไร จะรอให้บอร์ด กสทช.ชุดนี้ดูแลการควบรวมทรู-ดีแทคให้จบก่อนใช่หรือไม่ จะรอให้บอร์ดชุดนี้ ชุดที่แก้ประกาศลดอำนาจตัวเอง จะดูแลดีลนี้ให้จบสิ้นก่อนใช่หรือไม่ แล้วจะไม่ยอมให้แก้ประกาศฉบับนี้ให้เป็นระบบขออนุญาตใช่หรือไม่” น.ส.ศิริกัญญา
ส.ส.'ก้าวไกล'ขุด'ปศุสัตว์'ปกปิด ASF ทั้งที่หมูตาย-คนเลี้ยงหายเพียบ
เมื่อเวลา 14.40 นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ขออภิปรายให้สภาเห็นถึงความล้มเหลวและคอร์รัปชันการปกปิดข้อมูลโรคระบาดในหมู ลอยตัวจากความรับผิดชอบ ทำให้เกษตรกรรายย่อย รายกลางประสบปัญหารุนแรง บริหารราชการเอื้อกลุ่มทุนใหญ่ ทำประชาชนเจอสถานการณ์ของแพง ค่าแรงถูก เรายังไม่ลืมเหตุการณ์เนื้อหมูแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ ต.ค.2564 ที่มีราคาขยับทุกเดือนจนร้ายแรงสุดในเดือน ม.ค.2565 ราคา 190-220 บาท สวนทางกับดัชนีราคาโลกที่ค่อนข้างคงที่
นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า จุดเปลี่ยนสำคัญคือ วันที่ 11 ม.ค.2565 ที่ยอมรับว่าไทยมีโรคกระบาด ASF นำไปสู่การตรวจสอบการกักตุนในห้องเย็น หากไม่มีการเปิดเผย ราคาอาจจะทะลุไป 300 บาทก็ได้ ตั้งแต่กลางเดือน ม.ค.2565 พบหมูในห้องเย็น 1,366 แห่ง มีหมูเก็บอยู่ 24.66 ล้านกิโลกรัม เป็นอย่างน้อย เรื่องนี้รัฐบาลเคลมผลงานว่าแก้ไขปัญหาถูกจุด แต่นี่คือละครตบตาคนไทยทั้งประเทศ เพราะ ครม.รู้มานานแล้วว่ามีโรคระบาด ASF แต่ท่องตามโพยอย่างเดียวว่าไม่มีทำให้มีคนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มเดียวที่รู้สถานการณ์และแสวงหาความมั่งคั่ง เหยียบย่ำประชาชน เกษตรกรรายย่อยหลายคนล้มละลาย หนี้สินท่วมหัว
กรมปศุสัตว์ ทำตัวเลขล่าสุด ชี้แจงใน กมธ.มีการเพิ่มกำลังการผลิต ขยายฟาร์มขนาดใหญ่ เพราะรู้มาตลอดว่ามีการระบาด และใครมีหมูในปลายปีที่ผ่านมา และตลอดทั้งปีนี้ คือเวลาของการทำกำไร ทั้งนี้ทั่วโลกมีองค์ความรู้การกำจัด ASF อยู่แล้ว คือ การแจ้งเตือน , ความร่วมมือทั้งภายในและต่างประเทศ และความโปร่งใสในการรายงาน แต่ประเทศนี้ไม่มีสักอย่าง มีธงอย่างเดียวคือตั้งเอาไว้ว่าทำอย่างไรก็ได้ให้ไทยไม่รู้ว่ามีการระบาด
“รัฐบาลรู้ตั้งแต่ปี 2562 รู้ว่ามี ASF และประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ มีการตั้งกรรมการเข้ามาแก้ปัญหา หนังสือนี้อ้างอิง 3 คน คือ นายกรัฐมนตรี , รมว.เกษตรและสหกรณ์ และ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์” นายปดิพัทธ์ กล่าว
นายปดิพัทธ์ กล่าวด้วยว่า ปี 2563 มีหมูตายและทำลายในภาคเหนือ ต่อมาปี 2564 มีการออกค่าชดเชยทำลายหมู 3 ครั้ง รวม 1 พันล้านบาท ทำลายหมู 3 แสนตัว เราไม่มีสักตัวเลยใช่หรือไม่ว่ามี ASF และบอกว่าทำลายหมูด้วยโรคเพิร์ส ที่เป็นโรคประจำถิ่น ทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่เคยทำลายหมูหลักแสนตัวด้วยโรคดังกล่าว เรื่อนี้เป็นตลกห่วยๆ ที่ใครๆ ก็รู้ ขณะที่แล็บของคณะสัตวแพทย์ทั่วประเทศพบเชื้อ ASF
นายปดิพัทธ์ กล่าวต่อไปว่า ตนได้ไปขุดซากหมูที่ตายตั้งแต่กลางปี 2564 ที่ จ.นครปฐม เอากระดูกไปตรวจ เจอเชื้อ ASF ในระดับสูง แต่กรมปศุสัตว์บอกว่าไม่มีเชื้อ ขุดไปไม่ได้เจอซากหมูเหม็นเน่า แต่ขุดไปเจอกรมปศุสัตว์เหม็นเน่า เน่าขนาดที่ท่องมา 3 ปีว่าไม่มีเชื้อ แต่หมูหายไปเป็นล้านตัว คนเลี้ยงหมูหายไป 2 แสนราย
“ท่านนายกรัฐมนตรีมีน้ำยาและมีปัญญาปรับ ครม.หรือไม่ ถ้าลอยตัว ไร้ความผิดรับผิดชอบแบบนี้ รัฐมนตรีท่องแต่ไม่รู้ ไม่รู้ แล้วจัดงานตบตาประชาชน นายกรัฐมนตรีจะรับผิดชอบต่อ ครม.แบบนี้อย่างไร ถ้าปรับ ครม.ไม่ได้ ท่านก็ไม่สมควรเป็นนายกรัฐมนตรี ขอฝากเอกสารไปวางไว้ที่โต๊ะนายกรัฐมนตรีด้วย ผมกลัวไปไม่ถึงถ้าส่งผ่านกรมปศุสัตว์” นายปดิพัทธ์ กล่าว
ในช่วงท้าย นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล เราจะชั่งน้ำหนักระหว่างการประกาศโรค กับผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรอบคอบ โปร่งใส และเราขอเสนอทางออกที่หวังว่ารัฐบาลจะฟังบ้าง คือ ต้องแก้ปัญหาด้วยการทุ่มเทงานวิจัย ทำข้อมูลเรื่องนี้ใหม่ทั้งหมด เพื่อวางระบบการป้องกัน รวมถึงการวางแผนพัฒนาฟาร์มรายย่อย
‘ทวี’ไล่จี้ปมที่ดินเขากระโดง อัด รฟท.ไม่กล้าฟ้องเจ้านาย
เมื่อเวลา 12.27 น. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ อภิปรายตอนหนึ่งถึงที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ว่า เมื่อวันที่ 22 เม.ย.2564 มีคำสั่งศาลฎีกา 2205/2564 เป็นคดีแดงที่ พ.1373/2562 เป็นคดีที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ไปฟ้องเอกชนซึ่งเป็นจำเลย ว่ามีโฉนดที่ดินอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว คดีนี้จำเลยที่แพ้ในคดีในศาลชั้นต้น ชั้นอุทธรณ์ กระทั่งปี 2565 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยถูกต้องแล้ว คือ ไม่รับฎีกา คดีจึงถึงที่สิ้นสุดว่าต้องบังคับคดี รฟท.ได้ขอหมายศาลไปยังกรมบังคับคดี เพื่อบังคับคดีกับเจ้าของโฉนดรายนี้
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เราดีใจ เพราะก่อนหน้านี้มีคดีที่เอกชนไปฟ้อง รฟท. ซึ่งมี 2 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ชี้ว่า ที่ดินเป็นของ รฟท. ขณะเดียวกันคดีล่าสุด รฟท.ไปฟ้องเอกชน ก็พบว่าเอกชนแพ้คดี จึงสรุปว่าที่ดิน 5,083 ไร่เป็นของ รฟท. เป็นที่ดินที่ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดเข้าไปอยู่ได้
พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม พบว่า ที่ผ่านมามีคดีที่ ผู้ว่าฯ รฟท. ตัดสินใจเปลี่ยนจากฟ้องศาลยุติธรรมไปฟ้องศาลปกครอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะเรื่องเดิมศาลยุติธรรมก็ให้ความยุติธรรมอยู่แล้ว และขอตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นเพราะที่ดินดังกล่าว นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ยอมรับว่า เป็นที่ดินที่ตนเองอยู่อาศัย ญาติพี่น้องอยู่อาศัย เป็นสนามฟุตวอลช้างอารีน่า และบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ผู้ว่าฯ รฟท.จึงไม่กล้าฟ้องเจ้านาย
“ผมคิดว่าประโยชน์ส่วนรวมต้องมาก่อน ระบบคุณธรรมต้องมี การตัดสินใจฟ้องกรมที่ดิน เพื่อให้กรมที่ดินจ่ายเงิน ซึ่งเป็นเงินของประชาชน ทั้งที่ผู้รับผิดชอบควรจะเป็นผู้ที่ครอบครองที่ดิน” พ.ต.อ.ทวี กล่าว
พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อด้วยว่า เขาบอกว่าในบรรดาคุณสมบัติสำคัญ คือ ผู้นำ ถ้าผู้นำไม่สัตย์ซื่อ และมีคนชั่วที่แข็งแกร่ง แล้วผู้นำอ่อนแอ ประเทศไปไม่ได้ นายกรัฐมนตรีประกาศว่าเป็นคนซื่อสัตย์ นายกรัฐมนตรีต้องมารักษาการณ์ รมว.คมนาคม และอาจให้ตำแหน่ง รมว.กลาโหม แก่นายศักดิ์สยาม เพราะถึงอย่างไร เชื่อว่าทหารก็มีความเข้มแข็ง
‘ประเสริฐ’ชี้ดัชนี CPI ตกต่ำ ตั้งแต่‘ประยุทธ์’บริหารประเทศ
ขณะที่ เมื่อเวลา 14.10 น. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาบริหารประเทศ พบว่าความโปร่งใสในการบริหารราชการแผ่นดิน ดัชนีการจัดอันดับความโปร่งใส (CPI) ตกต่ำอย่างมาก ตั้งแต่รัฐประหารปี 2557 ล่าสุดไทยอยู่อันดับ 110 จาก 180 ประเทศทั่วโลก ได้ 35 คะแนนเต็ม 100 คะแนน ตั้งแต่ท่านเข้ามาบริหารประเทศ การทุจริตกว้างขวางมาก กลไกตรวจสอบไม่ทำงาน ยกตัวอย่าง 2 เรื่อง คือ ทุจริตจัดซื้อถุงมือยางขององค์การคลังสินค้า (อคส.) ยังหาผู้รับผิดชอบไม่ได้ รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบออกมากล่าวว่ามีหน้าที่เป็นบุรุษไปรษณีย์อย่างนี้ และการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวค ซื้อในราคา 9 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อโดส แต่มีการขออนุมัติ 17 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อโดส และทราบว่าจัดซื้อถึง 30 ล้านโดส จึงเป็นที่มาที่ไปว่า ทำไมวัคซีนเข็มแรกต้องเป็นซิโนแวค เพราะเหลือเยอะมา และกำลังจะหมดอายุ
“ถามว่าซิโนแวคเหลือในสต๊อกเท่าไร เงินส่วนต่างนี้อยู่ที่ไหน นายกรัฐมนตรีต้องออกมาชี้แจง” นายประเสริฐ กล่าว
นายประเสริฐ กล่าวว่า ตนมีคำถามที่นายกรัฐมนตรีต้องตอบให้ชัด ดังนี้
1.เรื่องการปฏิรูปการเมือง ท่านคิดอย่างไรกับการแก้ไข รธน. โดยเฉพาะประเด็นที่ไม่ให้สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) มาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
2.ท่านมีแนวคิดอย่างไรที่จะส่งเสริมหรือคุ้มครองสิทธิเสรีภาพให้ใช้สิทธิได้ตาม รธน.เนื่องจากถูกคุกคาม ทั้งนี้มี ส.ส.หญิง จากพรรคเพื่อไทย 2 ราย ถูกคุกคาม คือ นางสมหญิง บัวบุตร ส.ส.อำนาจเจริญ และ นางมุกดา พงษ์สมบัติ ส.ส.ขอนแก่น มีเจ้าหน้าที่สอบถามลูกชาย ว่า การอภิปราย 17-18 ก.พ.ไปพูดในทำนองว่าอย่าให้อภิปรายเลย สิทธิประชาชนต้องได้รับการคุ้มครอง
3.จะแก้ไข วิกฤตการเมืองจะสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนได้อย่างไร การเมืองวันนี้ไม่มั่นคง รัฐบาลมีพรรคการเมืองเป็นฐาน 18 พรรคหรือ ใช่หรือไม่ วันหนึ่งเหลือ 15 พรรค บางวันบอกว่ามี 4 พรรค
4.คำถามสุดท้ายบอกว่าจะเป็นประธานจัดการประชุมเอเปคเดือน พ.ย.2565 ขอถามว่า เตรียมตัวอย่างไรสำหรับวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปีที่จะครบในเดือน ส.ค.2565 เพราะ รธน.มาตรา 158 ระบุว่า นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปีมิได้
“มีข้อเสนอแนะถึงท่าน 3-4 ข้อด้วยกัน ข้อแรก เรื่องใดที่ท่านไม่มีองค์ความรู้ อย่าอวดฉลาด อย่าทำไปทั้งที่รู้ว่าจะมีปัญหา ควรปรึกษาหารือผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องดังกล่าวก่อนดำเนินการโดยไม่กลัวเสียหน้า ลดการแจกกล้วยหรือแลกเปลี่ยนผลประโยชน์เพื่อรักษาตำแหน่ง ควบคุมพวกพ้องให้ลด ละ เลิกเรื่องแสวงหาประโยชน์และหันมายึดประโยชน์ประชาชนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พี่ๆ ขอให้เบาๆลงหน่อย สุดท้ายหากท่านทนไม่ไหวที่จะแบกรับภาระ และละอายใจ ขอให้ลาออกหรือยุบสภาเพื่อให้ประชาชนตัดสินใจเลือกผู้นำคนใหม่” นายประเสริฐ กล่าว
'ประยุทธ์'ย้ำอีกรอบปัดสืบทอดอำนาจ ครม.มีแค่ 4 คนมาจากรัฐบาล คสช.
เมื่อเวลา 11.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ชี้การอภิปรายว่า การอภิปรายเบื้องต้นยังไม่ได้ลงรายละเอียด คิดว่ารัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องจะเป็นผู้ชี้แจงต่อไป เพื่อไม่ให้ประชาชนรับฟังแต่โจทย์อย่างเดียว แต่อยากให้รับฟังความก้าวหน้าในการแก้ปัญหา หลายคนในที่นี้ อาจมองว่า รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีไม่มีความสามารถ อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของประชาชน
“ผมเคยคุยกับท่านครั้งหนึ่ง ท่านบอกว่าผมเข้ามาในสภา ควรวางบทบาทเหมือนรามเกียรติ์ คงเล่นบทฝ่ายพระราม พระลักษณ์ อีกฝ่ายก็เล่นบททศกัณฑ์ ผมคิดว่าประเทศชาติคงไม่ใช่แบบรามเกียรติ์ แต่ทุกคนรู้อยู่แล้วว่า ทศกัณฑ์เป็นอย่างไรตอนสุดท้าย นั่นคือข้อเท็จจริง คงไม่กล่าวอะไรที่ทำให้เกิดความวุ่นวาย หรือทะเลาะเบาะแว้งอะไรกันอีก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ญัตตินี้มีอยู่ประมาณ 15 ประเด็น เรื่องแรกยืนยันว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่ใช่รัฐบาลเดิมจากปี 2557 แต่มาตามกรอบรัฐธรรมนูญ 2560 คนที่อยู่ในอำนาจเดิม มาทำหน้าที่ตามกฎหมายใหม่ มีอยู่ 4 คนที่ซ้ำจากเดิม นอกนั้นอีก 32 คนคือคนใหม่ทั้งหมด นโยบายต้องต่างกันแน่นอน เรื่องก่อหนี้สาธารณะ ขยายเพดานหนี้ หนี้ครัวเรือน ข้าวของแพง ค่าแรงถูก อัตราว่างงานสูงขึ้น การเปิดกิจการเพิ่มขึ้นหรือลดลง เราแก้ปัญหามาก โดยเฉพาะสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ที่เป็นวิกฤตโลก ทั้งนี้เรื่องเราจะชี้แจงได้หมด ขอให้รอฟังเขาอธิบาย
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ส่วนการเกิดโรคระบาดหมู ASF ยืนยันไม่มีการปกปิด แต่พบว่ามีการปกปิดเรื่องกักเก็บเนื้อหมูไว้ในห้องเย็นจำนวนมาก มีคดีในศาล ยืนยันจะต้องถูกลงโทษตามกฎหมายทุกประการ ไม่ได้ไปรังแกใคร ไม่ได้สนับสนุนผู้ค้ารายใหญ่ แต่ต้องการให้ประชาชนระดับล่างเข้มแข็งให้มากที่สุด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า ตนไม่ได้ทำงานแบบสุกเอาเผากินเพื่อตอบสนองความพอใจของบางคนบางกลุ่ม แต่ต้องการทำให้คนไทยมีความสุขที่แท้จริง ไม่จอมปลอม พูดอย่างไรก็ได้ให้คนเชื่อ ให้คนรัก ไม่ใช่ตน แต่ตนจะพูดด้วยความจริงใจ
“ผมไม่ได้โกรธอะไรท่านเลย จะแพง จะจน จะพัง จะอะไรทั้งแผ่นดินก็ว่าไปเถอะ” พล.อ.ประยุทธ์
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า จากที่ฟังญัตติข้างต้น ขอย้อนกลับไปปี 2564 เราก็ทำมาได้ดีตนถึง 20 ธ.ค.2563 โควิดเข้ามาอีกระลอกหนึ่ง รัฐบาลไม่ได้นำเข้ามา แต่ต้องมาแก้ปัญหาตรงนี้และประชาชนทุกคนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามเราทำงานเข้าเป้าหมายหลายเรื่อง อาทิ เปิดประเทศได้ในเดือน พ.ย.2564 ออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนต่อเนื่อง เศรษฐกิจไทย 9 เดือนกลับมาเป็นบวก 1.3% ต่อปี ดังนั้นเศรษฐกิจปี 2564 คาดว่าจะสูงกว่าที่ประมาณการไว้ นอกจากนี้มีการจ้างงานมากขึ้น คนตกงานน้อยลง และมีการเคลื่อนย้ายกลับเข้าสู่ภาคบริการ การค้า จำนวนผู้มีงานทำ 37.9 ล้านคน ปรับตัวดีขึ้นจากเดิม ส่วนนักศึกษาจบใหม่เข้าทำงานภาคเอกชนกว่า 66.78% ทำงานในภาครัฐ 20% ส่วนที่เหลือประกอบอาชีพอิสระหรือธุรกิจส่วนตัว แม้ว่าเราไม่ได้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ แต่ค่าแรงแตกต่างกันแต่ละจังหวัด ตามศักยภาพ ตามฝีมือ อย่างไรก็ตาม ค่าแรงยังสูงกว่าในหลายประเทศ และรัฐบาลก็มีมาตรการลดภาระค่าครองชีพให้กับลูกจ้างและนายจ้างมาโดยตลอด
“หากมีอะไรก็ตามที่จะเป็นข้อเท็จจริงและนำไปประโยชน์ ขอบคุณฝ่ายค้าน ไม่ว่าจะแพง จะจน จะพังทั้งแผ่นดิน ก็รับได้หมด ต่างคนเล่นคนละบทบาทอยู่แล้ว ท่านให้ผมเป็นพระลักษณ์ พระรามก็แล้วแต่ ท่านอยากเป็นทศกัณฑ์ก็แล้วแต่ ดูหนัง ดูละคร ก็ขอให้ย้อนดูตัวคนเล่นละครด้วย ผมก็ถูกท่านดูอยู่ ฉะนั้นทุกคนต้องดูตัวละครอื่นๆด้วย มันถึงจะสำเร็จ ประเทศไทยใหญ่กว่ารามเกียรติเยอะ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
'หมอชลน่าน'เปิดแผลรัฐบาล บริหารประเทศ 'แพง จน พัง' ทั้งแผ่นดิน
เมื่อเวลา 09.46 น. นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดประชุมหลังมีผู้มาลงชื่อ 239 เสียง จากองค์ประชุม 237 เสียง
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ ในฐานะผู้ควบคุมเสียงพรรคร่วมฝ่ายค้าน กล่าวว่า การจัดสรรเวลาของพรรคร่วมฝ่ายค้าน แบ่งเป็น เพื่อไทย 760 นาที ก้าวไกล 303 นาที เสรีรวมไทย 80 นาที ประชาชาติ 57 นาที เพื่อชาติ 50 นาที พลังปวงชนไทย 30 นาที ไทยศรีวิไลย์ 20 นาที และ เศรษฐกิจใหม่ 20 นาที
ต่อมา เวลา 10.00 น. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายในฐานะผู้เสนอญัตติ ว่า เราไม่ได้มุ่งหมายถล่มนายกรัฐมนตรี แต่ต้องการถล่มปัญหา เพื่อเสนอแนะแนวทางการแก้ไขให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน ญัตตินี้ว่าด้วยเรื่อง “แพง จน พัง ทั้งแผ่นดิน” อาทิ ของแพงทั้งแผ่นดิน ค่าแรงแสนจะถูก ชีวิตความเป็นอยู่ยุ่งยากซับซ้อน ทำให้เกิดปัญหาสังคม ตลอดจนปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการบริหารงานที่ผิดพลาดบกพร่องล้มเหลว ปัญหาควาสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมถึงโรคโควิด โรคระบาดสัตว์ วิกฤตการเมืองที่เป็นประเด็นใหญ่ สิ่งที่เกิดจากความผิดพลาดบกพร่อง บางประเด็นสืบเนื่องมาจากรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการประมง และการใช้อำนาจโดยมิชอบก่อเกิดภาระให้กับประชาชนเรื่องเหมืองทองอัครา
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ส่วนความล้มเหลววิกฤตทางด้านการเมือง มีความผิดพลาดบกพร่องในมิติทางการเมืองมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาพของการสร้างธุรกิจการเมืองที่เกิดขึ้น สภาเสื่อม กินกล้วย ฉีดวัคซีน 20-30 ล้านบาท รับเงินเดือน 2-3 แสนบาทที่เป็นข่าวในสังคมเป็นข้อสงสัย เป็นเรื่องที่ต้องตอบว่าทำไมเกิดภาพเหล่านี้ ทำให้การปฏิรูปการเมืองล้มเหลว
“อภิปรายรอบนี้ไม่ถึงกับเก็บศพ แต่จะหามใส่รถฉุกเฉินเข้าสู่ห้องไอซียู เพื่อให้ท่านได้แก้ไขตามที่เราเสนอแนะ ส่วนเดือน พ.ค.ก็เก็บศพได้” นพ.ชลน่าน กล่าว
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า สิ่งที่ทำให้เกิดเรื่องแพง จน พัง ทั้งแผ่นดิน เหตุของปัญหาคือเรื่องการเมือง การเข้าสู่อำนาจของท่านเป็นรัฐบาล คสช.มุ่งสืบทอดอำนาจ เสถียรภาพในขณะนี้ทำให้ท่านได้เสียงข้างมากอย่างง่อนแง่น ปัจจุบันองค์ประชุมไม่เคยมีถึงกึ่งหนึ่งของที่ประชุม เมื่อไม่เคยถึง ก็เกิดวิกฤตมีความขัดแย้ง แบ่งอำนาจในพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อเขาอยู่ไม่ได้ก็ต้องแสดงจุดยืน และเชื่อว่าเขาจะทำเพื่อประชาชน สิ่งที่พวกตนจำเป็นต้องทำที่สุดในฐานะฝ่ายค้าน คือ องค์ประชุมเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในฐานะเสียงข้างมาก ถ้าระบบสภาเป็นแบบนี้ไปไม่รอด สมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลปลีกตัวออกมา เขาต้องการบอกพวกท่านว่า ท่านไม่ควรอยู่ในอำนาตต่อไปอีกแล้ว เขาพร้อมที่จะอยู่กับฝ่ายค้านในการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจในเดือน พ.ค.2565