ศาลฎีกาวินิจฉัยคดียาเสพติด ตามกฎหมายใหม่ พิพากษาคดี 2 พ่อค้ายาบ้าถูกจับกุมพร้อมของกลาง 1,000 เม็ด จำคุก 7-11 ปี ปรับ 500,00 - 750,000 บาท จากเดิมกฎหมายเก่า มีโทษสูงสุดจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต ปรับสูงสุด 5 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2565 ศาลฎีกาได้อ่านคำพิพากษาฎีกาที่ 232/2565 ในลักษณะการประชุมทางจอภาพ ซึ่งวินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่เกี่ยวกับกฎหมายยาเสพติดใหม่ว่า ตามกฎหมายเดิมมาตรา 15 ประกอบมาตรา 66 บัญญัติให้ลงโทษหนักขึ้นโดยถือเอาเพียงปริมาณของยาเสพติดเป็นสำคัญ แต่กฎหมายใหม่มาตรา 145 บัญญัติให้ลงโทษหนักขึ้นโดยถือเอาพฤติการณ์ในการกระทำความผิดและบทบาทหน้าที่ในการกระทำผิดเป็นสำคัญ ไม่ได้ถือเอาเพียงปริมาณดังเช่นกฎหมายเดิมอีกต่อไป แม้ปริมาณที่มากขึ้นอาจบ่งชี้ถึงพฤติการณ์ในการกระทำความผิดและบทบาทหน้าที่ได้รับหนึ่งก็ตาม เมื่อปริมาณยาเสพติดที่มากขึ้นอาจบ่งชี้ได้ถึงพฤติการณ์ในการกระทำความผิดและบทบาทหน้าที่อยู่ในตัว กฎหมายใหม่จึงไม่ได้ยกเลิกความผิดตามมาตรา 66 วรรคสองและวรรคสามไปเสียทีเดียว
แต่เมื่อกฎหมายใหม่ไม่ได้ให้ศาลลงโทษหนักขึ้น เพียงเพราะปริมาณยาเสพติดให้โทษดังเช่นในกฎหมายเดิม แต่ต้องมีพฤติการณ์และบทบาทหน้าที่ตามกฎหมายใหม่กำหนดไว้ด้วย จึงจะมีความผิดตามกฎหมายใหม่ มาตรา 145 วรรคสองหรือวรรคสามได้
ดังนั้นถ้าผู้กระทำผิดมีพฤติการณ์หรือบทบาทหน้าที่ตามกฎหมายใหม่ มาตรา 145 วรรคสองหรือวรรคสาม ศาลย่อมมีอำนาจปรับบทความผิดตามมาตรา 145 วรรคสองหรือวรรคสาม แต่ผู้กระทำผิดไม่มีพฤติการณ์ในการกระทำผิดและบทบาทหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายใหม่มาตรา 145 วรรคสองหรือวรรคสาม ศาลย่อมไม่อาจปรับบทความผิดมาตรา 145 วรรคสองหรือวรรคสามได้ คงปรับบทความผิดได้เพียงมาตรา 145 วรรคหนึ่ง ส่วนการกำหนดโทษก็ต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณทั้งกฎหมายเก่าและกฎหมายใหม่ไม่ว่าในทางใด
ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 คดีนี้ผู้ต้องหาในคดียาเสพติดคดีอื่นแจ้งเจ้าพนักงานตำรวจว่าซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยที่ 1 จึงมีการล่อซื้อและจับจำเลยทั้งสองได้ในรถกระบะ พร้อมเมทแอมเฟตามีนของกลาง 1,000 เม็ด คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 22.927 กรัมที่จำเลยทั้งสองมาส่งตามที่มีการล่อซื้อในราคา 60,000 บาท พฤติการณ์น่าเชื่อว่าจำเลยทั้งสองจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้ผู้ต้องหาดังกล่าว และจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่ผู้ล่อซื้อ จึงย่อมทำให้เกิดการแพร่กระจายแก่ผู้เสพหลายคนโดยสภาพ ถือเป็นการกระทำให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนแล้ว
กรณีจึงต้องลงโทษจำเลยทั้งสองตามกฎหมายใหม่ มาตรา 90, 145 วรรคสอง (2) ซึ่งมีวาระโทษจำคุกตั้งแต่ 2-20 ปี อันเป็นกฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลยทั้งสองมากกว่าตามกฎหมายเดิม ตามมาตรา 66 วรรคสาม ที่มีระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต สำหรับโทษปรับก็ต้องลงโทษจำเลยทั้งสองตามกฎหมายใหม่ มาตรา 145 วรรคสอง (2) ซึ่งมีวาระโทษปรับ ตั้งแต่ 200,000-2,000,000 บาท อันเป็นคุณกว่าตามกฎหมายเดิม มาตรา 66 วรรคสาม ที่มีระวางโทษปรับตั้งแต่ 1,000,000-5,000,000 บาท
พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติดมาตรา 90, 145 วรรคสอง (2) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 15 ปี และปรับคนละ 1,000,000 บาท จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ส่วนจำเลยที่ 2 ลดโทษให้ 1 ใน 4 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 7 ปี 6 เดือน และปรับ 500,000 บาท จำเลยที่ 2 จำคุก 11 ปี 3 เดือน และปรับ 750,000 บาท
ภาพจาก : ผู้จัดการออนไลน์