อัยการ ฟ้องคดี 4 อดีตผู้บริหาร ธพว. ทำธุรกรรมธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดเสียหาย 6 พันล.แล้ว หลัง ป.ป.ช. ส่งเรื่องชี้มูลความผิดทางอาญาฐานใช้อำนาจในหน้าที่โดยทุจริตองค์การเสียหาย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 2 ได้ยื่นฟ้องคดีอดีตผู้บริหารธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย จำนวน 4 ราย ประกอบไปด้วย 1. นายจงเจตน์ บุญเกิด เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการ ทำหน้าที่ประธานเจ้าหน้าที่ การเงิน 2. นางจิรพร สุเมธีประสิทธิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ 3. นายอวิลาส ชุณหกสิการ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายบริหารเงิน และ 4. นายอาทิตย์ ดั่นธนสาร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้จัดการส่วนบริหารเงินและธุรการต่างประเทศ กรณีการทำธุรกรรมกับธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ต่อ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางเป็นทางการ
ในข้อกล่าวหา ร่วมกันทำธุรกรรมอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (Cross Currency Swap : CCS) และธุรกรรมอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย (Interest Rated Swap : IRS) กับธนาคาร สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน โดยมิชอบหรือโดยทุจริต เป็นเหตุให้ธนาคารพัฒนา วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ได้รับความเสียหาย เป็นจำนวนเงินประมาณ 6,000 ล้านบาท
หลังจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีมติชี้มูลความผิดทางอาญาฐานเป็นพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่องค์การ บริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่น ฐานเป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 8 และมาตรา 11 และส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด ดำเนินการฟ้องร้องคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ยังไม่มีคำพิพากษาคดีนี้ออกมา ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 ราย ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า เกี่ยวกับคดีนี้ ในช่วงเดือนมีนาคม 2563 ศาลแพ่ง ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีที่ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ (แห่งประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (SBCT) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME) เป็นจำเลย เรียกค่าเสียหายตามสัญญาอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate /IRS) บนบัตรเงินฝากชนิดดอกเบี้ยลอยตัว (FRCD) จำนวนทุนทรัพย์ ประมาณ 6,000 ล้านบาท
หลังจากเมื่อปี 2558 ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว ก่อนมีคำพิพากษายกฟ้อง ต่อมาธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ โจทก์ยื่นอุทธรณ์ กระทั่งเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2560 ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME) จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามฟ้อง จากนั้นธนาคารพัฒนาวิสาหกิจฯ จำเลยยื่นฎีกาคัดค้าน
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือรอบคอบ โดยพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน
ขั้นตอนต่อมา ทางธนาคารพัฒนาวิสาหกิจฯ จะต้องไปดำเนินการเจรจาไกล่เกลี่ยต่อรองรายละเอียดกับทางธนาคารสแตนดาร์ชาร์เตอร์ฯ ถึงแนวทางปฎิบัติและขั้นตอนการดำเนินการต่อไป
อ่านประกอบ:
คดี 6 พันล. ธพว.ปล่อยให้ผู้บริหารแค่ 4 คนทำธุรกรรมหมื่นล. ‘ไอ้โม่ง’ลอยนวล?
เปิดสำนวนในศาลแพ่งคดี 6 พันล. ธพว.รับฮั้วประมูล ผู้บริหารทุจริต บอร์ดไม่รู้เห็น
ไล่ออกผู้บริหาร 4 คน สังเวยเอื้อ‘สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด’ เบื้องลึกคดี 6 พันล.ธพว.
ไขที่มาคดีบัตรเงินฝาก FRCD ธพว.ต้องใช้หนี้ ‘สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด’ 6 พันล.
ธพว.แพ้คดีในศาลอุทธรณ์ต้องใช้หนี้แบงก์สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด 6 พันล.