ศาลปค.สูงสุด พิพากษายกฟ้องคดี 'ยงยุทธ วิชัยดิษฐ' ฟ้อง รมว.มหาดไทย-พวกรวม 3 คน ลงโทษวินัยย้อนหลังไล่ออกย้อนหลังสมัยเป็นรักษา ปลัดมท.ยุค ทักษิณ เซ่นคดีที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ ชี้เป็นการกระทำชอบด้วยกฎหมายแล้ว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2565 ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ ฟ. 69/2556 ระหว่าง นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ผู้ฟ้องคดี กับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 จากกรณีถูกกระทรวงมหาดไทย พิจารณาลงโทษทางวินัยย้อนสมัยเป็นรักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทยในยุครัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ใช้อำนาจรักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทยไปลงนามยกเลิกคำสั่งกรมที่ดิน ที่สั่งให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินสนามกอล์ฟและหมู่บ้านอัลไพน์ ซึ่งเป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 20 และ 1146 อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี รวมทั้งนิติกรรมใด ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับที่ดินดังกล่าว ซึ่งเป็นคดีที่มีกฎหมายกำหนดให้อยู่ในอำนาจศาลปกครองสูงสุด ความชอบด้วยกฎหมายของคำสั่งลงโทษทางวินัยหรือถูกสั่งให้ออกจากราชการ
โดย ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากเห็นว่า การที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้มีคำสั่งลงโทษผู้ฟ้องคดีในความผิดทางวินัยฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง และฐานกระทำการอื่นใดอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โดยมิได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นทำการสอบสวนผู้ฟ้องคดี จึงเป็นการกระทำโดยไม่ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอน หรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้สำหรับการกระทำนั้น จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม การที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 มีมติว่าการกระทำของผู้ฟ้องคดีมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้ เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง และฐานกระทำการอื่นใดอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงและได้ส่งรายงานเอกสารพร้อมทั้งความเห็นมายัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 เพื่อพิจารณาโทษทางวินัยตามฐานความผิดที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 มีมติ โดยไม่ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอีกและในการพิจารณาโทษทางวินัยให้ถือว่ารายงานเอกสารและความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 เป็นสำนวนการสอบสวนทางวินัยของคณะกรรมการสอบสวนวินัย
ทั้งนี้ ตามมาตรา 92 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้รับหนังสือจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ตามหนังสือสำนักงานป.ป.ช. แล้ว ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจสั่งบรรจุตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ. 2535 จึงส่งเรื่องให้ อ.ก.พ. กระทรวงมหาดไทยพิจารณ โดย อ.ก.พ. กระทรวงมหาดไทยกระทรวงมหาดไทย ในการประชุมครั้งที่ 8/2555 เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2555 ได้มีมติให้ลงโทษไล่ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการในความผิดฐานดังกล่าว ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงอาศัยอำนาจตามความใน 92 และมาตรา 93 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ประกอบมาตรา 104 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 มีคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ลงโทษไล่ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการตามมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ซึ่งต่อมาผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้มีคำวินิจฉัยเรื่องดำที่ 5510078 เรื่องแดงที่ 0047156 ลงวันที่ 28 พฤษภาคม 2556 ให้ลดโทษผู้ฟ้องคดีจากไล่ออกจากราชการเป็นปลดออกจากราชการ และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้มีคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ลดโทษผู้ฟ้องคดีจากไล่ออกจากราชการเป็นปลดออกจากราชการ ตามคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2
แม้คดีนี้จะปรากฎข้อเท็จจริงว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ได้ชี้มูลความผิดทางวินัยของผู้ฟ้องคดีฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรีหรือนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 85 วรรคสองและฐานกระทำการอื่นใดอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง มาตรา 98 วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 มาด้วย
แต่เมื่อได้วินิจฉัยไว้แล้วว่า การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 วินิจฉัยว่า พฤติการณ์แห่งการกระทำของผู้ฟ้องคดีมีมูลความผิดฐานเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้ เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ อันเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามมาตรา 82 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 นั้นชอบด้วยกฎหมาย
การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ชี้มูลความผิดฐานอื่นมาด้วย จึงไม่มีผลเปลี่ยนแปลงมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ที่ชี้มูลความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการอันเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงแต่อย่างใดไม่
เมื่อผู้ฟ้องคดีกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ผู้บังคับบัญชาย่อมมีอำนาจสั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออกตามความร้ายแรงแห่งกรณี แต่ห้ามมิให้ลดโทษลงต่ำกว่าปลดออก
ทั้งนี้ ตามมาตรา 104 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ประกอบมาตรา 133 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
ดังนั้น การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ลงโทษไล่ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการตามมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ซึ่งต่อมาผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้มีคำวินิจฉัยให้ลดโทษผู้ฟ้องคดีจากไล่ออกจากราชการเป็นปลดออกจากราชการ และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้มีคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 30 พฤษภาคม 2556 ลดโทษผู้ฟ้องคดีจากไล่ออกจากราชการเป็นปลดออกจากราชการตามคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ดังกล่าว นั้น
จึงเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายแล้วพิพากษายกฟ้อง
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับคดีนี้ เป็นผลสืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2555 กระทรวงมหาดไทย ได้มีการเผยแพร่คำสั่ง ที่ 546/2555 เรื่องลงโทษไล่ออกจากราชการ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ ซึ่งเป็นผลมาจากมติของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ส่งเรื่องให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาลงโทษทางวินัยย้อนหลังนายยงยุทธ สมัยเป็นรักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทยในยุครัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร ที่ใช้อำนาจรักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทยไปลงนามยกเลิกคำสั่งกรมที่ดิน ที่สั่งให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินสนามกอล์ฟและหมู่บ้านอัลไพน์ ซึ่งเป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 20 และ 1146 อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี รวมทั้งนิติกรรมใด ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับที่ดินดังกล่าว ซึ่ง ป.ป.ช. มีมติเสียงข้างมากว่า นายยงยุทธกระทำความผิดวินัยร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเหตุให้ราชการเสียหายอย่างร้ายแรง และกระทำการอันได้ชื่อว่าประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน
ขณะที่ อ.ก.พ. กระทรวงมหาดไทย ได้พิจารณาแล้วไม่ปรากฏหลักฐานใด ๆ ที่แสดงให้เห็นว่านายยงยุทธกระทำการใด ๆ เพื่อให้ตนเองและผู้อื่นได้ประโยชน์ซึ่งมิควรได้ และยังเห็นว่านายยงยุทธได้พิจารณาอุทธรณ์คำสั่งกรมที่ดินดังกล่าวด้วยมี เจตนาสุจริตและคำนึงถึงผลประโยชน์สาธารณะด้วย เนื่องจากมีผู้ได้รับผลกระทบ 292 ราย ที่เดือดร้อนและจะนำไปสู่การฟ้องร้องกรมที่ดินและกระทรวงมหาดไทย อ.ก.พ. กระทรวงมหาดไทยจึงเห็นว่าการกระทำของนายยงยุทธไม่มีมูลความผิดเข้า ข่ายเป็นการกระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรงฐานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตามข้อ กล่าวหาของป.ป.ช.แต่อย่างใด
แต่เนื่องจากกรณี นี้ ป.ป.ช.ได้มีมติว่านายยงยุทธกระทำผิดวินัยร้ายแรง จึงยังคงต้องลงโทษทางวินัยตามที่ป.ป.ช.มีมติโดยไม่ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอีก และต้องพิจารณาลงโทษภายใน 30 วัน นับแต่ได้รับเรื่อง ซึ่งตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. และมติครม.เมื่อ 21ธันวาคม 2536 กำหนดแนวทางให้ถือปฏิบัติว่าการลงโทษผู้กระทำผิดวินัยฐานทุจริตไม่เป็นเหตุ ลดหย่อนโทษเป็นการปลดออก ดังนั้น แม้ อ.ก.พ.กระทรวงมหาดไทย จะเห็นว่านายยงยุทธ ไม่มีความผิดประกอบกับนายยงยุทธได้ปฏิบัติหน้าที่ทางราชการที่มีคุณประโยชน์ มาตลอด และไม่เคยถูกลงโทษทางวินัยมาก่อน กรณีนี้จึงมิอาจพิจารณาเป็นอย่างอื่นได้ จึงมีมติเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในขณะนั้น สั่งลงโทษไล่นายยงยุทธออกจากราชการตามมติ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติโดยให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่ 30 ก.ย. 2545 ซึ่งเป็นวันที่นายยงยุทธมีอายุครบ 60 ปี
อนึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2563 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ศาลอ่านคำสั่งศาลฎีกา ให้ลงโทษจำคุก 2 ปี นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีต รมว.มหาดไทย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย คดีทุจริตที่ดินสร้างสนามกอล์ฟอัลไพน์ ไปแล้ว
อ่านประกอบ :
- อุทธรณ์พิพากษายืนคุกจริง 2 ปี'ยงยุทธ' คดีอัลไพน์-ศาลให้ประกันตัวด้วยเงินสด 9 แสน
- ‘เสริมศักดิ์’รอด! ป.ป.ช.ตีตกปมไม่ยกเลิกคำสั่ง‘ยงยุทธ’โอนที่ดินสร้างสนามกอล์ฟอัลไพน์
- เลื่อนอ่านอุทธรณ์คดีกอล์ฟอัลไพน์ เหตุ ‘ยงยุทธ’ป่วย-ก่อนหน้านี้โดนคุกจริง 2 ปี
- 'ยงยุทธ' ไม่รอด! ศาลอาญาแผนกคดีทุจริตพิพากษาจำคุก2ปี สนามกอล์ฟอัลไพน์
- เบื้องหลังคดีกอล์ฟอัลไพน์!ก่อนศาลสั่งคุก2ปี‘ยงยุทธ’อ้าง กม.พิเศษ-โยงคำสั่ง‘ป๋าเหนาะ’?