ไทยติดโอไมครอนเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดเป็น 514 ราย จากสัปดาห์ที่ผ่านมา 205 ราย ส่วนคลัสเตอร์ที่ต้องจับตามองที่ จ.กาฬสินธุ์ พบติดเชื้อแล้ว 125 ราย รอยืนยันสายพันธุ์อีก 97 ราย พบผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการน้อย ติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน ไม่ลงปอด ย้ำสวมหน้ากากอนามัย 2 ชั้นป้องกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2564 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามผู้ป่วยสายพันธุ์โอไมครอนในประเทศไทยว่า ขณะนี้ประเทศไทยพบผู้ป่วยสายพันธุ์โอไมครอนขยับขึ้นเป็น 514 ราย จากตัวเลขผู้ติดเชื้อสัปดาห์ที่ผ่านมา 205 ราย นับว่าเป็นตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ก้าวกระโดดมาก โดย 2 ใน 3 คือติดเชื้อมาจากผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ และ 1 ใน 3 เป็นการติดเชื้อภายในประเทศ
โดยคลัสเตอร์ใหญ่ที่ต้องจับตา คือ จ.กาฬสินธุ์ จากสองสามีภรรยาที่ไปรับประทานอาหารในร้านอาหารกึ่งผับ ทำให้พบนักดนตรี พนักงานร้าน พนักงานเสิร์ฟ และลูกค้ารวม 125 ราย ซึ่ง 97 รายเป็นการยืนยันว่าติดเชื้อ แต่ยังต้องรอยืนยันว่าเป็นสายพันธุ์โอไมครอนหรือไม่
นอกจากนี้คลัสเตอร์กาฬสินธุ์ดังกล่าว ยังพบมีความเชื่อมโยงกับการติดเชื้อที่ จ.อุดรธานีด้วย เนื่องจากรายแรกของ จ.อุดรธานี คือ ครอบครัวของคลัสเตอร์กาฬสินธุ์ที่มีที่พำนักอยู่ จ.อุดรธานี จาก 1 รายของ จ.อุดรธานี ทำให้เกิดการติดเชื้อไปยังผู้สัมผัสใกล้ชิด ทำให้มีผู้ติดเชื้อ 6 ราย และลำพูน 4 ราย ที่สำคัญยังมีการรายงานไปยัง จ.ขอนแก่น และ จ.มหาสารคาม
พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า สำหรับคลัสเตอร์แสวงบุญ จ.ปัตตานี มีรายงานพบผู้ติดเชื้อ 7 ราย ซึ่งเป็นสัมผัสผู้ติดเชื้อที่กลับจากการแสวงบุญแถบตะวันออกกลาง ในส่วนของคลัสเตอร์กลุ่มผู้แสวงบุญ ยังมีรายงานใน จ.นนทบุรี จ.อยุธยา จ.ปทุมธานี และ กทม. ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ระหว่างยืนยันสายพันธุ์ว่าเป็นโอมิครอนหรือไม่
แต่ที่ยืนยันแน่แล้ว คือ กทม. 2 ราย เป็นผู้ติดเชื้อจากสามีที่เป็นนักบินชาวไนจีเรีย และ จ.ภูเก็ต จ.กระบี่ 2 ราย มีประวัติเป็นแม่บ้านทำงานในโรงแรมที่ผู้ติดเชื้อพักอาศัยถือเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง และอีกหนึ่งคลัสเตอร์เป็นการรายงานจาก จ.สุรินทร์ เดินทางมาจากเดนมาร์กด้วย
ส่วนคลัสเตอร์อื่น ๆ ได้แก่ โรงงาน ตลาด พิธีกรรมทางศาสนา จ.ขอนแก่น ผู้ติดเชื้อเดินทางไปงานศพที่ จ.เลย รวมถึงคลัสเตอร์โรงเรียนสถานศึกษา จ.แม่ฮ่องสอน จ.ศรีสะเกษ จ.นนทบุรี และ จ.ลำปาง
และคลัสเตอร์ร้านอาหาร สถานบันเทิง เป็นปัญหาที่พบเยอะขึ้นในเทศกาลปีใหม่ หลายพื้นที่พบว่ามีสถานบันเทิงลักลอบเปิดให้บริการจำหน่ายแอลกอฮอล์ และทำให้หลายจังหวัด เช่น จ.เชียงใหม่ มีการเข้มงวด ไม่ใช่แค่ขอความร่วมมืออีกต่อไป โดยผู้ว่าราชการจังหวัด รวมทั้งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ได้ออกมาเน้นย้ำว่า หากมีสถานประกอบการจำนวนน้อยที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการ แล้วทำให้เกิดการติดเชื้อ กลายเป็นกลุ่มก้อน สิ่งที่จะเกิดขึ้น เชียงใหม่อาจจะมีการเสนอให้มีการปิด หรือล็อกบางถนน เป็นการร่วมมือกับหลายภาคส่วน บางร้าน ทำตามมาตรการอย่างเข้มงวด แต่ร้านอื่นไม่ทำ อาจทำให้เกิดปัญหากระทบเป็นวงกว้าง คงต้องให้สมาคมผู้ประกอบการร้านอาหาร สถานบันเทิงต่างๆ กำกับติดตาม
อย่างไรก็ตาม พญ.อภิสมัย กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการรายงานตัวอย่าง 41 ราย พบว่าผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนส่วนใหญ่จะไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย ซึ่งอาการที่พบมากที่สุด 54% จะเป็นอาการไอ เจ็บคอ 37% และมีไข้ 29%
“จะเห็นว่าการติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนจะมีลักษณะเป็นการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจส่วนบน ไม่มีลักษณะลงปอด ทำให้ยากที่รู้ว่าผู้ติดเชื้อสายพันธุ์นี้ปะปนมารับประทานอาหารร่วมกันกับเรา อยู่ในสถานที่ที่ทำงานเดียวกัน ทำให้เราจำเป็นต้องมีการระมัดระวัง จึงขอเน้นย้ำให้สวมหน้ากากอนามัย 2 ชั้น ก็ยังสามารถป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ” พญ.อภิสมัย กล่าว