กรมสอบสวนคดีพิเศษ แจ้งข้อกล่าวหา อดีตผู้บริหารสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด - พวก รวม 18 คน ฐานความผิดสมคบกันฟอกเงิน ยันดำเนินการทุกมิติให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย เร่งรัดติดตามทรัพย์สินเยียวยาสมาชิก 6,000 ราย ได้รับค่าหุ้นคืน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2564 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์การแจ้งข้อกล่าวหา อดีตผู้บริหารสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด กับพวก รวม 18 คน ฐานความผิดฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน
กรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุว่า ตามที่ นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะรองอธิบดีที่กำกับดูแล มอบหมายให้ ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญา ดำเนินการกับผู้กระทำความผิดทางอาญาในทุกมิติ กรณีพบการทุจริตนำเงินออกจากบัญชีสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด ไปเปลี่ยนสภาพแห่งตัวทรัพย์ เพื่อซุกซ่อน ปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สิน หรือกระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อปกปิด หรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มา หรือได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สินโดยรู้ในขณะที่ได้มา อันเป็นเหตุในการเข้าทำการตรวจยึด/อายัดทรัพย์สินเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2564 และได้ใช้อำนาจตามมาตรา 24 (5) พระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษพ.ศ. 2547 ในการอายัดทรัพย์สินไว้แล้วรวม 189 รายการ มูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท ดังที่ได้เสนอข่าวต่อสาธารณชนไปแล้วนั้น
ในวันนี้ (วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม 2564) เวลา 10.30 น. พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะรองอธิบดีที่กำกับดูแล ได้มอบหมายให้ นายธวัชชัย รัตนปรีชาชัย รองผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญา หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน นายพงษ์ธวัช อ่วมสำอางค์ ผู้อำนวยการส่วนคดีฟอกเงินทางอาญา 3 และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 21/2564 แจ้งข้อกล่าวหากับอดีตผู้บริหารสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด กับพวก รวม 18 ราย ในความผิดฐาน “ร่วมกันฟอกเงิน” และ/หรือ “ฟอกเงิน” ตามมาตรา 5 ประกอบมาตรา 83 และความผิดฐาน “สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน” ตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ทั้งนี้ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สั่งการให้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินการในทุกมิติภายใต้กรอบกฎหมายและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย รวมทั้งให้ขยายผลเร่งรัดติดตามทรัพย์สิน ตลอดจนบุคคลที่เกี่ยวข้อง มาดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อเยียวยาและคืนทรัพย์สินให้กับสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด ยังผลให้สามารถบริหารจัดการต่อไปได้ รวมทั้งสมาชิกสหกรณ์ฯ อีก 6,000 ราย สามารถได้รับค่าหุ้นคืน โดยจะดำเนินการเชิงบูรณาการร่วมกับ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ควบคู่กันไป เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย และสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน ส่งผลสัมฤทธิ์ในทางปฏิบัติตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 อย่างต่อเนื่อง และเด็ดขาด ต่อไป