สธ.เผยยังไม่พบคลัสเตอร์ลอยกระทง ส่วนภาพรวมโควิดในไทยลดลง แต่ยังต้องจับตาบางพื้นที่ ขณะที่ฉีดวัคซีนโควิด คาดสิ้นเดือนนี้ ฉีดไม่ครบ 100 ล้านโดสตามเป้า ขอความร่วมมือทุกคนเร่งรับวัคซีน ชี้ยังมีเพียงพอ ด้าน 'อนุทิน' ห่วงร้านอาหารดื่มเหล้าได้เริ่มพบการติดเชื้อ เน้นย้ำตรวจมาตรการเข้มก่อนเปิด พร้อมแนะผู้รอวัคซีนทางเลือก ให้มาฉีด mRNA ของรัฐก่อนได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2564 นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โรคโควิด ว่า วันนี้ประเทศไทยพบผู้ป่วยรักษาหาย 7,318 ราย สูงกว่าผู้ติดเชื้อใหม่ที่พบ 5,857 ราย เสียชีวิต 55 ราย ผู้ป่วยปอดอักเสบและใส่เครื่องช่วยหายใจลดลงต่อเนื่อง จุดสำคัญในการติดตามสถานการณ์เมื่อฉีดวัคซีนทั่วถึง คือ จำนวนเตียงและอัตราการครองเตียง ข้อมูลถึงวันที่ 23 พ.ย.2564 มีผู้เข้ารับการรักษา 69,588 ราย จำนวนเตียงคงเหลือ 132,007 เตียง ระดับเขตสุขภาพ อัตราครองเตียง 33% ส่วน กทม. อัตราครองเตียง 51%
หลังการเปิดประเทศต้องติดตามเปลี่ยนแปลงของอัตราการครองเตียงต่อเนื่อง แต่ภาพรวมสถานการณ์การระบาดมีแนวโน้มลดลง ยกเว้นบางพื้นที่ยังพบคลัสเตอร์เพิ่มขึ้นบ้าง ต้องจับตาเป็นพิเศษ โดยคลัสเตอร์ที่พบขณะนี้ มีทั้งโรงงาน/สถานประกอบการ ตลาด งานศพ งานกฐิน และงานแต่ง จึงขอให้ผู้จัดงานเข้มมาตรการป้องกันและใช้เวลาให้กระชับที่สุด หลีกเลี่ยงการพูดคุย เปิดหน้ากาก รับประทานอาหารร่วมกันซึ่งเป็นความเสี่ยง ส่วนการติดเชื้อในแรงงานต่างด้าว ข้อมูล 7 วันย้อนหลัง พบผู้ติดเชื้อรวม 44,768 ราย คลัสเตอร์ที่พบแรงงานต่างด้าว คือ โรงงาน/สถานประกอบการ เป็นเมียนมา 10%, แคมป์คนงาน เป็นเมียนมา 38.5% กัมพูชา 30.8% และคลัสเตอร์พิธีกรรมศาสนา เป็นเมียนมา 10%
สำหรับการเปิดประเทศ ตั้งแต่ 1 พ.ย.2564 มีผู้เดินทางเข้ามา 94,756 คน เป็นระบบ Test & Go มากที่สุด 73,383 คน ติดเชื้อ 60 คน คิดเป็น 0.08% ระบบแซนด์บ็อกซ์ 17,319 คน ติดเชื้อ 33 คน คิดเป็น 0.19% และระบบกักกัน ทั้ง 7 วัน และ 10 วัน รวม 4,054 คน ติดเชื้อ 33 คน คิดเป็น 0.81% ภาพรวมติดเชื้อ 126 คน คิดเป็น 0.13% ซึ่งถือว่ายังพบน้อย
ส่วนที่กังวลว่าเมื่อเดินทางเข้ามาแล้วตรวจ RT-PCR ทันทีอาจเร็วเกินไป ได้ให้คำแนะนำว่าหากมีอาการป่วยหรือสงสัย ให้ตรวจซ้ำด้วย ATK เมื่อเจอผลบวกจะส่งเข้ารับการดูแล แต่ไม่ว่าจะเป็นระบบใดก็ไม่สามารถป้องกันได้ 100% ดังนั้น สิ่งสำคัญคือการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมที่สุด ร่วมกับมาตรการสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง และล้างมือบ่อยๆ จะช่วยให้เปิดประเทศได้ราบรื่นต่อไป
โดยขณะนี้ฉีดวัคซีนโควิด สะสม 89.8 ล้านโดส เป็นเข็มแรก 47,034,024 ราย คิดเป็น 65.3% ของประชากร เข็มสอง 39,724,270 ราย คิดเป็น 55.1% และเข็มสาม 3,135,889 ราย คิดเป็น 4.4% ของประชากร คาดว่าหากมีการฉีดวัคซีนได้จำนวนดังกล่าว ก็อาจจะไม่ถึง 100 ล้านโดส ภายในสิ้นเดือน พ.ย.นี้ จึงขอให้ทุกภาคส่วนเข้ารับการฉีดวัคซีนโดยด่วน เพราะมีวัคซีนในทุกจังหวัด พร้อมในทุกๆ ที่ ไม่มีกรณีวัคซีนไม่เพียงพอ
สำหรับความครอบคลุมของการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 จำแนกตามจังหวัดและการได้รับวัคซีนตามเป้าหมายวันที่ 24 พ.ย.2564 พบว่า จังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่ 70% ขึ้นไป มีทั้งหมด 12 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพ เชียงใหม่ ชลบุรี สมุทรปราการ พังงา ภูเก็ต ระนอง ระยอง ปทุมธานี สมุทรสาคร สงขลา และฉะเชิงเทรา ส่วนจังหวัดที่มีการฉีดวัคซีน 60-69% มี 14 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี ยะลา เชียงราย ลำพูน พระนครศรีอยุธยา สระบุรี จันทบุรี นครศรีธรรมราช ตรัง ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ตราด กระบี่ สุราษฎร์ธานี
ทั้งนี้ยังมี 19 จังหวัดที่ฉีดได้ 40-49% อาจเป็นเพราะไม่มีการระบาดใหญ่ ทำให้การระดมฉีดวัคซีนเริ่มช้ากว่าที่อื่น แต่ปัจจุบันวัคซีนได้ส่งไปทุกจังหวัดอย่างทั่วถึงพร้อมฉีดให้กับทุกคนที่ต้องการ ส่วนกลุ่มผู้สูงอายุมีเพียง 2 จังหวัดที่ยังฉีดไม่ถึง 50% คือ แม่ฮ่องสอน และนครนายก
"จากการติดตามสถานการณ์ ยังไม่พบคลัสเตอร์ที่เกี่ยวเนื่องกับงานลอยกระทง อาจเป็นเพราะมีการสื่อสารมาตรการก่อนจัดงาน แต่เพิ่งผ่านมา 5 วัน จึงยังต้องติดตามต่อ หากผ่านไป 7 หรือ 10 วันแล้วไม่เกิดคลัสเตอร์ แสดงว่าประชาชนร่วมมือกันป้องกันการแพร่ระบาดได้ดี เป็นการสร้างความมั่นใจว่าแม้จะมีการรวมตัวกันจำนวนมาก แต่หากทุกคนมีความระมัดระวัง ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น เปิดหน้ากาก รับประทานอาหารร่วมกันเป็นเวลานาน ก็จะป้องกันติดเชื้อได้ และมั่นใจได้มากขึ้นในการเปิดประเทศ" นพ.เฉวตสรร กล่าว
ในวันเดียวกันนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีเริ่มพบผู้ติดเชื้อในร้านอาหารที่นั่งดื่มแอลกอฮอล์ ว่า ร้านจะต้องปฏิบัติตามมาตรการ COVID Free Setting อย่างเคร่งครัด คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ต้องตรวจตราร้านอาหารที่จะเปิดให้บริการ พนักงาน พ่อครัว ผู้ให้บริการ ต้องรับวัคซีนโควิด รวมถึงผ่านมาตรฐาน SHA และ SHA Plus นอกจากนี้ ลูกค้าควรต้องฉีดวัคซีนด้วย หากเดินหน้าด้วยมาตรการเหล่านี้ก็จะขยายเปิดกิจการอื่นๆ ได้มากขึ้น
ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด ให้ครบ 100 ล้านโดส ขณะนี้เหลือกลุ่มที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มแรกไม่ถึง 10 ล้านราย ซึ่งกลุ่มหนึ่งอาจจะเข้าไม่ถึงจริงๆ จากสภาพแวดล้อมเป็นอุปสรรค กระทรวงสาธารณสุขได้จัดหน่วยเคลื่อนที่เพื่อฉีดวัคซีนเชิงรุก ส่วนกลุ่มที่รอวัคซีนที่สั่งจองซื้อไว้ แนะนำว่าหากยังไม่ได้รับวัคซีนทางเลือกให้มาฉีดวัคซีนของรัฐก่อนได้ เนื่องจากขณะนี้มีทั้งไฟเซอร์และโมเดอร์นาที่ได้รับการบริจาค ซึ่งเป็นวัคซีนชนิด mRNA เหมือนกัน แต่การจะฉีดวัคซีนใดขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์ในแต่ละสถานการณ์ ส่วนวัคซีนที่จองไว้อาจแสดงความจำนงบริจาคให้โรงพยาบาลนำไปฉีดต่อได้ ถือเป็นการถ้อยทีถ้อยอาศัย
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage